โฆษกรัฐบาลปลื้ม ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สร้างรายได้กว่า 2.3 พันล้านบาท เผย นายกฯ สั่งเดินหน้าพลิกโฉมท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ สู่ระดับโลก ตั้งเป้าภายในไตรมาสแรกปี 65 โกยรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 6 หมื่นล้านบาท เร่งเรียกความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวควบคู่มาตรฐานด้านสาธารณสุข
วันนี้ (2 ต.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 จำนวน 38,699 คน โดยในจำนวนดังกล่าวพบผู้ติดเชื้อจากการคัดกรอง คิดเป็นร้อยละ 0.3 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ในขณะที่จำนวนการจองที่พัก SHA+ Phuket Sandbox สำหรับการเข้าพักระหว่างเดือนกรกฎาคม 2564 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ 716,898 คืน ส่วนโครงการสมุยพลัส (Samui Plus) และโครงการส่วนขยายของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 7+7 (Phuket Extension) มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสม ทั้งสิ้น 907 คน และ 399 คน ตามลำดับ ทั้งนี้ มูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นสำหรับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ณ วันที่ 27 กันยายน 2564 อยู่ที่ประมาณ 2,254 ล้านบาท โครงการสมุยพลัสอยู่ที่ 66.58 ล้านบาท และสำหรับโครงการส่วนขยายของภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ อยู่ที่ 12.16 ล้านบาท รวมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2,330 ล้านบาท
นายธนกร กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายเปิดประเทศด้านการท่องเที่ยว โดยขยายผลและพลิกโฉมการท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก (World Class Destination) ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 และไตรมาสแรกของปี 2565 จำนวน 1 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละไม่น้อยกว่า 5,000 คน คาดว่า จะสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 60,000 ล้านบาท ซึ่งมีการดำเนินการปลดล็อกเงื่อนไข เช่น การลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน การตรวจ RT-PCR ก่อนมา และเมื่อถึงสนามบิน หลังจากนั้น ให้ตรวจแบบ ATK, หนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทยออนไลน์แบบหมู่คณะ (Group COE), การอนุญาตเที่ยวบินพาณิชย์ของรัสเซียให้สามารถเดินทางเข้าสู่ภูเก็ต เป็นต้น ทั้งนี้ การพัฒนาเพื่อพลิกโฉมภูเก็ตสู่สถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก (World Class Destination) ในปี 2565 ภายใต้แนวคิด SUPRA ประกอบด้วย 1. Safety สร้างความมั่นในด้านความปลอดภัย 2. Upgrading โดยการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและการยกระดับระบบสาธารณสุข 3. Pro-Poor การเยียวยาและดูแลประชาชนฐานราก สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงชีวภาพเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (BCG Tourism) 4. Refine การพัฒนาปรับปรุงทักษะใหม่ๆ ให้กับแรงงาน ควบคู่ไปกับการเพิ่มมูลค่าสินค้า และ 5. Activities จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและกิจกรรมระดับโลกด้วย
“รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อจัดหาและเร่งการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชากรในประเทศ ซึ่งตามแผนสิ้นปีนี้ไทยจะมีวัคซีนจำนวน 126 ล้านโดส ประชากรไทย 70 ล้านคน จะได้รับวัคซีน 62 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 90 พร้อมรับการพลิกโฉมการท่องเที่ยวของประเทศไทยสู่ระดับโลก สร้างมาตรฐานด้านสาธารณสุข และสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวรวมถึงคนไทยอย่างแน่นอน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว