นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ภาพ จนท.สธ.บรรลุสัญญาจัดหาวัคซีน “แอสตร้าฯ” ปี 65 จำนวน 60 ล้านโดส ทยอยเข้าไตรมาสแรก 15 ล้านโดส พร้อมสิทธิพิเศษเป็นประเทศแรกๆ รับวัคซีนรุ่นที่ 2
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ภาพกระทรวงสาธารณสุขลงนามจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าสำหรับปี 2564 จำนวน 60 ล้านโดส พร้อมระบุข้อความว่า
“60 ล้านโดส! “อนุทิน” นำ สธ.บรรลุสัญญาจัดหาวัคซีน “แอสตร้าฯ” ปี 65 พร้อมนำเข้าเจนฯ 2 หากผู้ผลิตคิดค้นสำเร็จ”
29 กันยายน 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ โอภาส การย์กวินพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และผู้บริหารกระทรวง ได้ร่วมพิธีเซ็นสัญญาจัดหาวัคซีนโควิด-19 กับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า
นายอนุทินกล่าวว่า ทางกระทรวงฯ ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคลงนามในหนังสือจัดหาวัคซีนกับทางแอสตร้าฯ สำหรับไว้บริการประชาชนในปี 2565 ตามสัญญาทางผู้ผลิตต้องส่งให้ไทย 60 ล้านโดส และหากระหว่างการส่งมอบตามสัญญาเกิดประสบความสำเร็จ ในการศึกษาวัคซีนเจเนอเรชันที่ 2 ก็ต้องให้ไทยได้มีทางเลือกเพื่อเปลี่ยนตัววัคซีนด้วย
การจัดหาวัคซีนข้างต้นใช้งบประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท วัคซีนแอสตร้าฯ ที่เพิ่งบรรลุสัญญาไปนั้นมีบทบาทในการเป็นเข็มบูสเตอร์ ซึ่งทางภาครัฐกำลังจัดหาจากผู้ผลิตรายอื่นเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
นายอนุทินยังได้กล่าวอีกว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้แผนกระจายวัคซีนและแผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ประชาชนสามารถป้องกันควบคุมการระบาดของโรคได้ดียิ่งขึ้น ต้องขอขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่ได้ช่วยให้การจัดหาวัคซีนครั้งนี้สำเร็จเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งรัฐบาลไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือในการจัดหาวัคซีนด้วยดีตลอดไป
โดยผู้ผลิตวัคซีนจะทยอยจัดส่งในไตรมาสแรก 15 ล้านโดส ไตรมาสที่ 2 จำนวน 30 ล้านโดส และไตรมาสที่ 3 อีกจำนวน 15 ล้านโดส นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้รับสิทธิพิเศษเป็นประเทศแรกๆ กรณีบริษัทพัฒนาวัคซีนรุ่นที่ 2 ซึ่งครอบคลุมสายพันธุ์กลายพันธุ์ต่างๆ ได้สำเร็จ หรือสามารถใช้เป็นวัคซีนสำหรับกลุ่มเด็กได้ จะสามารถเปลี่ยนเป็นวัคซีนรุ่นล่าสุดได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศไทยอย่างมาก