ฟองสบู่! “ตั้ม” พิชิต “อดีตเพื่อนทอน” ฟาด “ปิยบุตร” สร้างโลกและแว่น บังตา ยุ “ทะลุแก๊ส” ปฏิวัติ ทางเดียวจับอาวุธสู้..หรือต้องการ? “สุวินัย” ฟันธง “หัวโจก” ล้มเจ้าในไทย มี “ธนาธร” สาวก-นายทุน เจ้าตัวอ้าง แค่ค้นคว้าหนังสือ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (29 ก.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก Pichit Chaimongkol ของ นายพิชิต ไชยมงคล หรือ “ตั้ม” อดีตเพื่อน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สมัยทำกิจกรรมนักศึกษา ใน สนนท. อดีตแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์หัวข้อ “ฟองสบู่การปฏิวัติ”
โดยระบุว่า “คุณปิยบุตร (แสงกนกกุล) กำลังละเมอการปฏิวัติชนิดที่เรียกว่า สร้างโลกปฏิวัติเฉพาะตัวไว้โลกหนึ่ง โดยลอยจากโลกที่คนอื่นดำรงอยู่ เขาสร้างแว่นสายตาการปฏิวัติมาใส่บังสายตาตัวเอง เวลามองผ่านแว่นนี้ก็จะมองเห็นทุกอย่าง คือ การปฏิวัติมวลชน ทั้งสิ้น
มันจึงไม่แปลกที่ ปิยบุตร จะมองเห็นกลุ่มคนที่ดินแดง หรือกลุ่มเดินทะลุฟ้า สามารถเป็นมวลชนปฏิวัติได้ เพียงเพราะในหัวเขามีโลกของตนเอง จำกัดวงอธิบายโลกของตน ทั้งๆ ที่ นั่นมันเป็นแค่ ฟองสบู่อันเปราะบางที่สามารถแตกเมื่อไหร่ก็ได้
จะว่าไป ฟองสบู่การปฏิวัติของ ปิยบุตร แตกมาหลายรอบ คนซวยมาหลายหน
พรรคอนาคตใหม่ เอก ธนาธร ก็ตกจากฟองสบู่ที่ ปิยบุตร สร้างขึ้นทั้งนั้น เขาเก่งตำรา คงไม่มีใครปฏิเสธได้ แต่ตำราอธิบายความจริงในปัจจุบันได้ไม่หมด เขาจึงอ่อนด้อยแบบไร้เดียงสาต่อความเป็นจริง ความซับซ้อนทางสังคม พลาดแล้วจึงพลาดซ้ำบ่อยๆ
มวลชนปฏิวัติของปิยบุตร เดินทะลุฟ้า ควรทะลุหอคอยงาช้าง ที่ปิยบุตรนั่งอยู่ให้หล่นลงมาเจอแก๊สน้ำตาเสียบ้างก็ดี
ตอนนี้กลับเริ่มเห็นใจ เยาวชนที่ออกมาปะทะกับเจ้าหน้าที่ทุกวัน ถูกจับทุกวัน บาดเจ็บทุกวัน แต่ไร้คนเหลียวแล มีแต่คนอย่าง ปิยบุตร ที่นอกจากไม่ร่วมทุกข์ร่วมสุขแล้ว ยังยุยง ให้เป็นมวลชนปฏิวัติอีกขั้นหนึ่ง ว่าซั่น...
มันมีแต่คนยุยง เด็กจึงหาทางลงไม่ได้ความรุนแรง เหตุการณ์ที่ดินแดง ยังไม่ถึงขั้น ปฏิวัติหรอก เอาง่ายๆ ไม่ใช่การเรียกร้องทางการเมืองด้วยซ้ำ
ถ้าจะเป็นการปฏิวัติโดยมวลชน (กลุ่มนี้) ตามที่ ปิยบุตร เรียกร้อง มันก็ต้องยกระดับจับอาวุธสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อยึดอำนาจ
อันนี้ ปิยบุตร ต้องการเช่นนี้ใช่ไหม มันเหมือนเรียกร้องคนมาตายเลยนะครับ
แล้วผลตามมา ปิยบุตร จะรับผิดชอบไหมครับ
ทำตัวได้แต่ เด็กช่างยุ ยุคนอื่นออกมาสู้ตัวเองมุดรูอยู่ในฟองอากาส คนแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน
ฟองสบู่ของคุณมันไม่ได้ใหญ่ขึ้นนะ
ถึงแม้จะใหญ่ขึ้น แต่มันคือฟองสบู่ อย่าลำพองตนเองเหมือน อึ่งอ่างพองตัวเลยครับ
ระวังมันแตกมา มันจะเลวร้ายกว่าที่คิด”
ขณะเดียวกัน รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก “Suvinai Pornavalai” ระบุว่า
“ช่วงนี้อาจารย์ปิยบุตรหมกมุ่นอยู่กับ “เลนินและการปฏิวัติรัสเซียปี 1917” ถึงขั้นอาการหนักมาก...นี่อาจเป็นเพราะอาจารย์ปิยบุตรอยู่ในสภาพดุจลี้ภัยในต่างประเทศคล้ายกับเลนินผู้นำพรรคบอลเชวิกในช่วงก่อนเกิดการปฏิวัติปี 1917 ลึกๆ ในใจของอาจารย์ปิยบุตร จึงทั้งคาดหวังทั้งภาวนาให้เกิดสถานการณ์ปฏิวัติของประชาชนขึ้นมาจริงๆ ในประเทศนี้บ้างกระมัง
แต่อนิจจา มันเป็นความย้อนแย้งอย่างที่สุดที่ไม่มี “ความเป็นจริงของการปฏิวัติ (actuality of revolution)” แบบรัสเซีย ดำรงอยู่เลยในสังคมไทยปัจจุบัน และมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นด้วยซ้ำในประเทศนี้... ในทัศนะของผม
เพราะอาจารย์ปิยบุตรหมกมุ่นกับการปฏิวัติฝรั่งเศสและการปฏิวัติรัสเซียอย่างหนักดุจคนเสพฝิ่นที่ติดฝิ่นอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
ดังนั้น อาจารย์ปิยบุตร จึงใช้ “แว่นสีการปฏิวัติ” ในการพยายามมอง “ม็อบทะลุแก๊ซ” ที่ดินแดงให้เป็นการลุกฮือของมวลชนปฏิวัติให้จงได้ ...
เราต้องยอมรับว่า อาจารย์ปิยบุตร แกพยายามมากเหลือเกิน แม้จะฝืนความจริงมากแค่ไหนก็ตาม มาถึงขั้นนี้แล้ว คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องฟันธงว่า แท้จริงแล้วอาจารย์ปิยบุตรเป็นแค่ “คนคลั่งการปฏิวัติ” คนหนึ่งเท่านั้นเอง แต่มันเป็นเคราะห์กรรมรวมหมู่ของประชาชนคนรุ่นใหม่กลุ่มหนึ่ง ที่ดันไปหลงเชื่อคล้อยตามความคิดที่เพ้อเจ้อเพ้อฝันของอาจารย์ปิยบุตร ถึงขั้นกระโจนเข้ามาร่วมวงกับขบวนการปฏิวัติล้มเจ้าของอาจารย์ปิยบุตรด้วย
ตอนนี้ผมได้ข้อสรุปที่ตกผลึกแล้วว่า หัวโจกที่แท้จริงของขบวนการปฏิวัติล้มเจ้าในประเทศไทยปัจจุบัน มิใช่ใครอื่น แต่คืออาจารย์ปิยบุตรนี่เอง
โดยที่ธนาธรเป็นแค่สาวกคนแรกๆ ของอาจารย์ปิยบุตร และเป็น “นายทุนปฏิวัติ” ผู้สนับสนุนหลักทางด้านการเงินให้แก่ขบวนการปฏิวัติล้มเจ้าเท่านั้นเอง”
จากนั้น นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้เข้ามาตอบคอมเมนต์ว่า ไม่ขนาดนั้นหรอกครับอาจารย์สุวินัย อย่าประเมินสูงขนาดนั้น
ผมค้นคว้าหาอ่านเอาความรู้ครับ ตอนนี้ก็กลับไปค้นหนังสือเลนิน ตร็อตสกี้ ที่ห้องสมุด มธ. ครับ นี่ยังไปยืมหนังสือของอาจารย์ที่เขียนเรื่องเลนิน จากห้องสมุดที่ มธ. อยู่เลย
นายปิยบุตร คอมเมนต์อีกว่า นี่บังเอิญมากจริงๆ ครับ เหมือนจุดธูปเลย 555 คือ ผมพึ่งค้นหนังสือเลนินจากฐานข้อมูลห้องสมุด มธ. ไปเมื่อกี๊เอง ค้นเสร็จ วานให้คนไปยืม ไปถ่ายเอกสารเสร็จ (ไม่พลาด ต้องมีหนังสือ “ลัทธิบอลเชวิกของเลนิน” ที่อาจารย์เขียนด้วย) พอกลับมาเปิดเฟซบุ๊ก เจออาจารย์เขียนถึงผมพอดี
จากนั้น รศ.ดร.สุวินัย ตอบนายปิยบุตร ว่า อาจารย์ปล่อยวางเรื่องการปฏิวัติลงเถอะ ผมเคยศึกษามันมาก่อน และพบว่า มันไม่มี “ความเป็นจริงของการปฏิวัติ” ดำรงอยู่จริงในประเทศนี้ .... ผมได้ดูซีรีส์ “ทรอตสกี้” ที่รัสเซียทำออกมาครบรอบ 100 ปีการปฏิวัติรัสเซีย อาจารย์ควรดูนะครับ จะเห็นข้อมูลอีกด้านของการปฏิวัติรัสเซีย รวมถึงจุดจบของมันในยุคระบอบสตาลิน อย่าดูแค่เลนิน
ผมเขียน “ประวัติศาสตร์ขบวนการความคิดสังคมนิยม” ครับ ศึกษาความคิดมาร์กซ์-เลนิน-โรซ่า ลุกเซมเบอร์ก-ทรอตสกี้ เป็นหลักครับ (“ลัทธิบอลเชวิกของเลนิน” คือ ส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มใหญ่เล่มนี้) เพราะผมถือว่า มันเป็น “ลัทธิมาร์กซ์คลาสิก” ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ในช่วงระหว่างปี 1982-1983 ตอนยังเรียนปริญญาเอกที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นผมน่าจะอายุแค่ 26-27 ปีเท่านั้นเอง ผมมอบหนังสือเล่มนี้ให้อาจารย์สมศักดิ์ เจียม ด้วยในปี 1985 (จากไทยโพสต์)
แน่นอน, ดูเหมือนมีคนจับไต๋ รู้ทันเกม “ปิยบุตร” หมดแล้ว ทั้งยังเห็นทะลุปรุโปร่งไปถึงขบวนการสามนิ้วที่ออกมาเคลื่อนไหวจาบจ้วงสถาบันฯอยู่ในเวลานี้ อีกต่างหาก
น่าสนใจอย่างยิ่ง ประเด็นสอดรับกัน ที่ “พิชิต” และ “อ.สุวินัย” ชี้ให้เห็นว่า “ปิยบุตร” ก็แค่ สร้างโลก “ปฏิวัติ” ส่วนตัวขึ้นมา แถมยังใส่แว่น “ปฏิวัติ” บดบังสายตาตัวเอง อย่างตั้งใจ เพราะไม่อยากเห็นภาพแห่งความเป็นจริงของประเทศไทย ประเทศที่เขาหวังว่า จะ “ปฏิวัติ” ได้ ตามความเชื่ออันบ้าคลั่งของเขา
จากนั้นก็ทำงานความคิด ปลุกระดมเด็กเยาวชน คนรุ่นใหม่ ให้ทำการปฏิวัติตามความเชื่อของตน โดยมี นายธนาธร เป็น “สาวก” คนแรก และนายทุนปฏิวัติ ซึ่ง มีอดีตพรรคอนาคตใหม่ เป็นหัวหอกทางการเมืองในรัฐสภา และมีม็อบสามนิ้ว เป็นพลังนอกสภากดดัน
วันนี้ ดูเหมือนม็อบราษฎร และม็อบเยาวชนปลดแอก จะหมดฤทธิ์ไปแล้ว ด้วยเงื้อมมือของกฎหมาย แต่ทว่า ม็อบทะละแก๊ส และม็อบทะลุฟ้า กำลังเป็นตัวป่วน ตัวปะทะเพิ่มความรุนแรงขึ้นทุกวัน จึงไม่แปลกที่ “ปิยบุตร” จะเห็นว่า นี่คือ มวลชนที่จะนำไปสู่การ “ปฏิวัติ” ของประชาชน
แต่เนื่องจากการ “ปฏิวัติ” ของ “ปิยบุตร” คือ การปฏิรูป และปฏิวัติสถาบันฯ จึงสวนทางและสวนกระแสความต้องการของประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ และนับว่ายากที่ในความเป็นจริง ที่ประชาชนจะลุกฮือเข้าร่วม อย่างในโลกของตำรา
ยิ่งกลุ่มทะลุแก๊ส และทะลุฟ้า เน้นปะทะกับเจ้าหน้าที่ คฝ. ทั้งเผาทำลาย สร้างความเดือดร้อน ก็ยิ่งทำให้สิ่งที่ “ปิยบุตร” เชิดชู ไม่ควรค่าแม้แต่น้อยที่จะเรียก “ปฏิวัติ” ได้ แต่ แว่นสายตาของ “ปิยบุตร” ก็ยังมองข้ามเรื่องนี้
เหนืออื่นใด “ปิยบุตร” และสาวกต่างหาก ที่จะต้องทบทวนการกระทำของตัวเอง และเลิกทำในสิ่งที่สวนทางกับความต้องการของประชาชนคนส่วนใหญ่ และยอมรับความจริงเสียที ก่อนที่จะสายเกินไป จนอาจมีผลกระทบใหญ่หลวงต่อตัวเองตามมา
เพราะขืนดันทุรัง ก็มีแต่จะทำให้เยาวชน คนรุ่นใหม่หมดอนาคต ต้องรับเคราะห์รับกรรมแทนไม่สิ้นสุด โดยที่ “หัวโจก” ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย แถมพร้อมที่จะ “เทม็อบ” ลี้ภัยในต่างประเทศตลอดเวลาอยู่แล้ว หรือไม่จริง!?