รองโฆษกสำนักนายกฯ เผย ไตรมาสสุดท้ายปี 2564 นำเข้าวัคซีนทะลัก ตั้งเป้าปีหน้าหาเพิ่ม 120 ล้านโดส ตั้งเป้าต.ค.ฉีด 50% ทุก จว. ครอบคลุมทั้งคนไทย-ต่างชาติ
วันนี้ (27 ก.ย.) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล ถึงแผนบริหารการจัดการวัคซีน โควิด-19 ว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังจัดเตรียมการระยะยาวเพื่อจัดการฉีดวัคซีน โควิด-19 เพิ่มเติม โดยจะนำเข้ามาเพิ่มในปี 2565 อีก 120 ล้านโดส โดยยอดการจัดหาวัคซีน จากการแถลงของ ศบค. ระบุว่า ในปี 2564 ประเทศไทยจะนำเข้าวัคซีนหลัก รวม 126.2 ล้านโดส โดยในเดือนกันยายน จะมี 16.3 ล้านโดส ตุลาคม 23 ล้านโดส พฤศจิกายน 24 ล้านโดส และธันวาคม 24 ล้านโดส ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าวัคซีนที่นำเข้ามาในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 1 เท่าตัว ทำให้การบริหารจัดการวัคซีนทำได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น
ซึ่งวัคซีนที่จะเข้ามาในเดือนตุลาคม 23 ล้านโดส จะครอบคลุมทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ตั้งเป้าไว้ว่าอย่างน้อยร้อยละ 50 ของทุกจังหวัด และอย่างน้อยในหนึ่งอำเภอจะต้องครอบคลุมร้อยละ 70 ทั้งจะเดินหน้าชีวิตให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และกลุ่มหญิงมีครรภ์อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ให้ได้มากที่สุด โดยกลุ่มสำคัญที่จะได้รับวัคซีนในช่วงเดือนตุลาคม คือนักเรียนและนักศึกษา โดยจะฉีดเข็มหนึ่งให้ได้ร้อยละ 70, เป็นเข็มกระตุ้นให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็ม ที่ฉีดไปแล้วในช่วงเดือนมีนาคมและพฤษภาคม
น.ส.รัชดา กล่าวว่า เดือนพฤศจิกายนที่จะมีเข้ามา 23 ล้านโดส จะครอบคลุมผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่หนึ่ง อย่างน้อยร้อยละ 70, นักเรียนนักศึกษา, เป็นเข็มกระตุ้นให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็ม ที่ฉีดไปแล้วในช่วงเดือนมิถุนายน, เป็นเข็มกระตุ้นให้กับผู้เคยติดเชื้อ โควิด-19 ในช่วงเดือนธันวาคม 2562 - เมษายน 2564 ส่วนเดือนธันวาคมที่จะมีเข้ามา 24 ล้านโดส จะครอบคลุมผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่หนึ่ง และเข็มที่สอง อย่างน้อยร้อยละ 80 และร้อยละ 70 ตามลำดับ, เป็นเข็มกระตุ้นให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็มทุกราย และเป็นเข็มกระตุ้นให้กับผู้เคยติดเชื้อ โควิด-19 ทุกราย
