“สนธยา” ลุยปฏิบัติการเชิงรุกเพิ่มศักยภาพระบายน้ำเมืองพัทยา สั่งทุกฝ่ายเตรียมพร้อมรับมือฝนระลอกใหม่ รื้อถอนสิ่งรุกล้ำทางไหลน้ำไปแล้วกว่า 100 หลัง มั่นใจแผนรับมือมีประสิทธิภาพและพร้อมช่วยชาวบ้านทันที
นายสนธนา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา พร้อมคณะผู้บริหารและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมมาตรการรับมือปัญหาน้ำท่วมเมืองพัทยา บริเวณคลองระบายน้ำหลักและโครงการวางท่อระบายน้ำ ทั้งในเขตพัทยาเหนือและพัทยาใต้ หลังจากที่ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ประเทศไทยยังเผชิญอิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้พื้นที่ภาคตะวันออกอาจมีฝนตกหนักต่อเนื่อง
นายสนธยา กล่าวว่า ปัจจุบันเมืองพัทยามีศักยภาพเต็มที่ ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมขังเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะจุดวิกฤตที่เป็นปัญหาท่วมซ้ำซากหรือชุมชนเดิมซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ สามารถใช้เวลาระบายน้ำสั้นลงมากและฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติเร็ว พร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนทันที ไม่ว่าจะเป็น ชุมชนนาเกลือ ชุมชนซอยแตงโม บัวขาว บงกช โซนพัทยากลาง ชุมชนถนนเทพประสิทธิ์และชุมชนซอยวัดบุญสัมพันธ์ หาดจอมเทียน และถนนสุขุมวิท ฯลฯ โดยวางระบบสูบน้ำ 12 จุดหลักและเครื่องปั๊มย่อยพร้อมเคลื่อนที่ได้ตลอดเวลา
อย่างกรณีหมู่บ้านฟ้าริมหาด ซึ่งชุมชนนี้อยู่ต่ำกว่าถนนมาก ทำให้น้ำท่วมมิดรถยนต์เกือบทั้งคัน เมืองพัทยาส่งทีมช่างสุขาภิบาลและกู้ภัยระดมสูบน้ำออกได้ภายในเวลา 1 วันและเข้าไปดูแลซ่อมแซมความเสียหาย จนสามารถกลับมาใช้งานได้ปกติ หรือ ชุมชนพื้นที่พัทยาใต้สามารถระบายได้ได้เสร็จภายใน 30-45 นาทีเท่านั้น
ทั้งนี้ ถ้าปริมาณน้ำฝนไม่สูงเกินค่ามาตรฐาน ดังเช่นเมื่อวันที่ 7-8 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งวัดได้ในเมืองพัทยาถึง 194 มม. มากกว่าค่าเฉลี่ยโดยทั่วไปถึง 100% นายสนธยาก็มั่นใจว่า เมืองพัทยาจะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังเป็นเวลานานแน่นอน ยกเว้นบางพื้นที่อาจมีน้ำไหลผ่านบ้าง แต่จะลดลงเร็วไม่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ และจะมีระบบแจ้งเตือนภัยประชาชนล่วงหน้า
ส่วนมาตรการที่เมืองพัทยาจะเดินหน้าต่อ คือการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างผิดกฎหมายที่รุกล้ำลำรางสาธารณะ คลองระบายน้ำต่างๆ เราเน้นขอความร่วมมือก่อน ถ้าไม่ยินยอมก็จะใช้ช่องทางกฎหมาย แต่ส่วนใหญ่ได้รับความยินยอมดี ขณะนี้ ได้มีการรื้อถอนไปแล้วมากกว่า 100 หลัง เช่นใน คลองนาเกลือ คลองปึกพลับ แก้ปัญหาน้ำท่วมได้มาก รวมถึงการเปิดทางน้ำไหลลงสู่ทะเลให้เร็ว การตัดทางน้ำลงสู่ทะเล ลดระดับฟุตบาทที่กีดขวางให้ต่ำลง และหากเกิดน้ำเซาะทรายชายหาด เราก็ปรับภูมิทัศน์คืนเหมือนเดิมได้เร็ว พร้อมทั้งเร่งโครงการวางท่อขนาดใหญ่เพื่อช่วยการระบายน้ำไปจุดพักน้ำได้รวดเร็ว ซึ่งโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2566