ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกเมืองพัทยา เรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่วางแผนรับมือฝนหนัก 7-11 ก.ย.นี้ ยึดบทเรียนท่วมใหญ่ 27 ส.ค.เป็นจุดแก้ไข พร้อมตั้งทีมเฝ้าระวัง 24 ชม.
จากกรณีที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนเรื่องฝนตกหนักพื้นที่ 5 จังหวัดภาคตะวันออก หวั่นซ้ำรอย 27 สิงหาคม ระบุปัญหาหลักน้ำหลากพร้อมขยะจากฝั่งหนองปรือ และปัญหาอัตรากำลังรวมทั้งบุคลากรที่ขาดความพร้อม ขณะที่ปัญหาเกิดในภาพรวมแต่ถูกทิ้งทำงานแบบโดดเดี่ยวไร้เงาเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ
วันนี้ (7 ก.ย.) นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยาได้เรียกประชุมด่วนหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อในพื้นที่ เพื่อวางแผนจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจเฝ้าระวัง รวมทั้งการบูรณาการกำลังบุคลากรและอุปกรณ์ในการรับมือมวลน้ำรอบใหม่
ขณะที่ นายเกียรติศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รองปลัดเมืองพัทยา ได้ชี้จุดที่ต้องเฝ้าระวังเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมซ้ำโดยจะต้องเร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุดว่า มีทั้งบริเวณแยกมุมอร่อยพัทยาสาย 3 แยกฮอลลีวู้ดถนนเพชรตระกูล แยกปากทางพัทยาใต้
บริษัทไทยน้ำทิพย์ หน้าวัดหนองใหญ่ วัดธรรมสามัคคี ซอยเขาตาโล ซอย 5 ธันวา ซอยบงกช และอีกหลายชุมชนใหญ่
โดยปัญหาน้ำท่วมใหญ่เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา เกิดจากเมืองพัทยามีจำนวนบุคลากร รวมทั้งอุปกรณ์ระบายน้ำที่ไม่เพียงพอ อีกทั้งไม่มีอำนาจในการบังคับสัญญาณไฟจราจร จึงทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนัก
ปัจจุบัน จึงได้วางแผนแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยในสังกัดเมืองพัทยา เพื่อตั้งกลุ่มปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถระบายน้ำที่ท่วมขังได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้สรุปสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเมืองพัทยามีปริมาณน้ำฝนมากกว่า 180 มม. ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาวัดได้ 134 มม.เกิดจากมวลน้ำจำนวนมากที่หลากเข้าสู่พื้นที่เมืองพัทยา จากปัญหาการวางท่อระบายน้ำเพื่อดักน้ำจากฝั่งตะวันออกบริเวณถนนเลียบทางรถไฟ ที่ยังไม่แล้วเสร็จ
อีกทั้งตลอดแนวทางรถไฟเดิมในระยะทางกว่า 15 กิโลเมตร ที่มีการปรับปรุงและขยายเส้นทางเพื่อรองรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง ทำให้จุดรับน้ำเดิมหายไปจึงทำให้มวลน้ำไหลบ่าเข้ามาเป็นจำนวนมาก
สำคัญน้ำที่หลากมาจากฝั่งหนองปรือ ยังมีเศษขยะสิ่งปฏิกูลไหลติดมาจนอุดตันฝาตะแกรงท่อระบายน้ำจนน้ำไม่สามารถไหลได้โดยสะดวก ประกอบกับปริมาณฝนที่มากเกินการรองรับจึงทำให้จุดที่มีน้ำท่วมขยายวงกว้างอีกหลายแห่ง สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและบ้านเรือนของประชาชนเป็นอย่างมาก