xs
xsm
sm
md
lg

“ดรามาน้ำพริกนิตยา” สรุป “คำ ผกา” ผิดเต็ม! โซเชียล โยง “เนชั่น” บิดเบือนข่าว “พงศ์พรหม” ซัดโกหกออกสื่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ “ดรามาน้ำพริกนิตยา” สรุป “คำ ผกา” ผิดเต็ม! ขอบคุณภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก The METTAD
เพจดังแจงเหตุผล “ดรามาน้ำพริกนิตยา” สรุป “คำ ผกา” ผิดเต็ม! “โซเชียล” โยง “เนชั่น” ระบุภาพข่าวบิดเบือน ยุฟ้องให้เข็ด “พงศ์พรหม” ซัด “ป้าแขก” โกหกออกสื่อ จวก “แฟนคลับ” สาปแช่ง ไม่ได้ต่างกับเขมรแดง

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (22 ก.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ประเด็น• สรุปดราม่า #น้ำพริกนิตยา

โดยระบุว่า
- เจ้าของร้านไม่ให้ถ่าย เพราะบอกว่าไม่เคยดูรูปแบบรายการ เจ้าของร้านอาจไม่รู้จักรายการนี้ ตอนแรกเลยอนุญาต แต่อาจจะไปดูก่อนที่ทีมงานจะมา แล้วเห็นว่า เป็นรายการบ่มเพาะความเกลียดชัง คลั่งการเมือง เหยียดคนเห็นต่าง ก็เลยไม่อยากให้ร้านตัวเองอยู่ในพื้นที่โจมตีทางการเมือง เพราะมีลูกค้าทุกเสื้อสี

- เจ้าของร้านก็เลยหาวิธีปฏิเสธอย่างสุภาพ โดยขอพิจารณาใหม่ แล้วจะติดต่อกลับไปอีกครั้ง

- แขก คำผกา โวยวายกลางร้าน ว่า ไม่ต้อนรับคนเสื้อแดง แล้วไปแหกปากหน้าร้านประจานอีกว่า ไม่ต้อนรับคนรักประชาธิปไตย

- #ทดประเด็น 1 แขก คำผกา เปรียบตัวเองเป็น ตัวแทนคนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตย และโทษว่า ร้าน ไม่ต้อนรับคำผกา = ไม่ต้อนรับคนเสื้อแดง

- นอกจากนั้น แขก คำผกา ยังบอกให้ไปดูสร้อยของเจ้าของร้าน ซึ่งเป็น ล็อกเก็ตรูป ร.๙

- #ทดประเด็น 2 แขก คำผกา จะบอกว่า ร้านนิตยารักสถาบันฯ จึงไม่ต้อนรับคนเสื้อแดง

- #คลายประเด็น จะเห็นว่า เรื่องนี้ มีจุดที่น่าสนใจอยู่หลายเรื่อง

1. แขก คำผกา กล่าวหาว่า ร้านไม่ต้อนรับคนเสื้อแดง และคนรักประชาธิปไตย ประโยคนี้เป็นเท็จ เพราะ แขก ไม่ใช่ตัวแทนของคนเสื้อแดง และ แขกไม่ใช่คนรักประชาธิปไตยอย่างที่อ้าง

แขก คำผกา คือ ตัวแทนของ ช่องสโป๊กดาร์ก และ ลัทธิอนาธิปไตย ที่เอาตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ใช่ประชาธิปไตย ที่เคารพความเห็นต่าง

2. แขก คำผกา บอกว่า เพราะเจ้าของร้านจงรักภักดีต่อสถาบันฯ จึงไม่ต้อนรับคนเสื้อแดง

เรื่องนี้ก็ไม่จริง เพราะคนเสื้อแดงที่รักสถาบันฯ ก็ยังมีเยอะ การที่แขก ตีขลุมว่า เพราะรักสถาบันฯจึงไม่ต้อนรับเสื้อแดง เท่ากับ แขก ใช้อคติส่วนตัวต่อสถาบันฯ ไปเหมารวมเสื้อแดงว่า ไม่เอาสถาบันฯ เหมือนกับแขก

นี่แหล่ะ พวกอนาคิสต์ เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง

3. ร้านอาจจะไม่โอเค ที่จะให้สินค้าตัวเองไปอยู่ในช่องที่รวมเชื้อพันธุ์ความเกลียดชัง จึงพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่ แขก คำผกา พยายามเอาเสื้อแดงมาเป็นพวก โดยบอกว่า ถ้าไม่อนุญาตให้ฉันถ่าย เท่ากับ ไม่ต้อนรับคนเสื้อแดง

4. ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ร้านไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเสื้อสีต่างๆ แต่อาจจะไม่โอเคกับ ช่องรายการสโป๊กดาร์ก ที่เอาแต่ก่นด่า หยาบคาย เหยียดคนเห็นต่าง ซึ่งเป็นปัญหาของเจ้าของช่อง ตลอดจนผู้ดำเนินรายการ เท่านั้น

5. สังคมที่ให้คนอย่าง แขก คำผกา หรือ จอห์น วิญญู เป็นผู้ชี้นำสังคม ไม่มีทางเป็นสังคมผู้เจริญทางเหตุผลและสติได้ เป็นได้เพียงสังคมไบโพลาร์ที่คอยอาละวาดให้คนทั้งประเทศคอยทำตามใจตัวเอง เท่านั้น...

ภาพ แขก คำผกา และ โรซี่ พี่สาวของจอห์น วิญญู ขอบคุณภาพจาก เพจเฟซบ๊ก THE TRUTH
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “โซเชียล” โยง “เนชั่น” ระบุภาพข่าวบิดเบือน ยุฟ้องให้เข็ดหลาบ

เนื้อหาระบุว่า จากกรณีที่ “แขก-คำผกา” น.ส.ลักขณา ปันวิชัย พิธีกรชื่อดัง ไปถ่ายทำรายการกับ น.ส.จรรยา วงศ์สุรวัฒน์ หรือ โรซี่ พี่สาวของ จอห์น วิญญู ที่ร้านน้ำพริกนิตยา ย่านบางลำภู และ แขก คำผกา ได้อ้างว่าติดต่อมาล่วงหน้า 1 เดือน แต่พอมาถึงสถานที่จริง กลับโดนเชิญออกจากร้าน

และมีการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า ดีลร้านน้ำพริกนิตยา มาเป็นเดือน นัดหมายดิบดี ถึงวันถ่ายเจ้าของร้านเชิญทั้งทีมงานออกจากร้านอ้างว่า “ไม่สะดวก” เลยถามกลับว่า เกลียดเสื้อแดงใช่ไหม เออ ไม่ต้อนรับควายแดงก็ไม่บอก

โดยในคลิปดังกล่าว ป้าเจ้าของร้านไม่ได้เป็นคนพูด คำว่า เกลียดคนเสื้อแดงด้วยซ้ำ และได้มีการแชร์ข้อความที่หลานสาวของเจ้าของร้าน อยากชี้แจง คุณป้านิตยา โดนกดดันมาก ว่าไม่ให้สัมภาษณ์ คุณป้าไม่เคยยุ่งกับการเมืองเลย ไม่รู้จักคุณแขก ไม่มีแม้กระทั่ง Facebook account

ลองคิดดูสิคะว่า ถ้าท่านซีเรียสกับ การเมือง แล้วท่านจะตกลงให้สัมภาษณ์ตั้งแต่แรกทําไม คุณป้าเปิดบ้านที่เชียงใหม่ให้คนมานั่งสมาธิ และพักฟรีทานฟรีมา 20 กว่าปีแล้ว ไม่เคยถามถึงทางเลือก ทางการเมือง ในคลิปนี้คุณป้าไม่ได้พูดเลย นะคะ ว่าไม่ต้อนรับเสื้อแดง ถ้ารังเกียจแล้วจะจัดอาหารรองรับไว้ให้ทำไม ขอร้องว่าอย่ากล่าวหา ท่านผิดๆ ท่านอาจแยกไม่ออกตาม ที่ได้ยินมาว่ารายการของคุณแขก เป็น lifestyle TV หรือ political TV กันแน่ ซึ่งคุณป้าเห็นตามสมควร แล้วว่าควรทำตัวเป็น กลางซึ่งทำให้ ทุกๆ คนเข้าใจผิดแล้วกลายเป็นดรามาของสังคม

ทั้งนี้ ฝั่งของโรซี่ พี่สาวของจอห์น วิญญู ที่ทำช่องออนไลน์ในรายการนี้ ได้เล่าในมุมหน้างาน ที่ลงไปถ่ายรายการแล้วโดนเชิญออกมาจากร้าน ก่อนจะกลายเป็นประเด็น ว่า ในมุมคนทำงาน ต้องมีการบรีฟรูปแบบ ดีลงานกันมาแล้ว ถึงจะลงไปถ่ายตามคิวและรูปแบบที่วางไว้ แต่ทางร้านมีการถามย้ำหลายครั้งกับโปรดิวเซอร์ ว่าจะพูดเรื่องสถาบันมั้ย มีการเมืองมั้ย ซึ่งเป็นคำถามที่แปลก แต่ก็ตอบกลับไปว่า จะไม่พูดถึง และย้ำว่า ป้าเจ้าของร้านไม่ได้เป็นคนพูดก็จริง ว่าเกลียดคนเสื้อแดง

ภาพ โซเชียล โยง “เนชั่น” บิดเบือนข่าว ขอบคุณภาพจาก เพจเฟซบ๊ก THE TRUTH
ล่าสุด ในเพจเฟซบุ๊ก The METTAD เดอะ เมตตาดี ได้โพสต์ถึงประเด็นนี้ด้วย โดยระบุว่า “เผื่อเจ้าของร้านอยากฟ้องเนชั่นครับ ไม่มีคำว่าไม่ต้อนรับเสื้อแดงจากเจ้าของร้านเลยซักคำ มีแต่บอกว่า ต้องขอโทษจริงๆ วันนี้ไม่สะดวก ป้าขอดูรายการก่อน แล้วจะติดต่อกลับไปอีกครั้ง อยากกินอะไรหยิบได้เลย”

โดยมีคอมเมนต์จากโซเชียลหนุนให้ร้านน้ำพริกนิตยา ฟ้องกลับเนชั่นด้วย เพราะว่านำคำพูดของ แขก คำผกา มาบิดเบือน พาดลงไปในภาพข่าว จนคนเข้าใจผิดว่า คุณป้าเจ้าของร้านเป็นคนพูดเอง ว่า ไม่ต้อนรับคนเสื้อแดง เช่น สนับสนุนให้ทางเจ้าของร้านฟ้องครับ ใส่ร้ายใส่ความทำให้ร้านเสียหาย เอาให้เข็ดหลาบ คนประเภทนี้, ป้าแกทำอะไรผิด เห็นแกก็พูดจาดีด้วย มีแต่พวกสถุนนี่แหละ ที่มันไปคุกคามในร้าน ในโซเชียลมีเดีย, สนับสนุนให้ฟ้องค่ะ สื่อที่ไม่ควรเป็นสื่อ สื่อที่ทำให้แตกแยก นี้ไม่ดูเลยตั้งแต่นักข่าวชั้นดีลาออก

อย่างไรก็ตาม ในคลิปดังกล่าว ป้าเจ้าของร้าน กล่าวว่า “พอดีอย่างนี้นะคะ คุณป้าต้องขอโทษด้วย คุณป้าไม่เคยดูรายการของหนู เพราะฉะนั้นคุณป้าต้องขอดูรายการก่อนที่หนูจะถ่ายออกไป วันนี้ ป้าไม่สะดวก ป้าต้องขอโทษอย่างรุนแรงเลย เพราะว่าป้าไม่รู้ เพราะว่าป้าไม่เคยมีโอกาสที่จะได้เข้าไปดู คุณป้ากว่าจะกลับบ้านทุ่มหนึ่ง แล้วคุณป้าไม่ได้ดู คุณป้ายังไงก็ตาม ป้าขอดูรายการหนูก่อน แล้วค่อยมาสัมภาษณ์”
.
อ่านต่อได้ที่ลิงก์ : https://truthforyou.co/67501/?anm=

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ยังมีประเด็น “พงศ์พรหม” ฟาดปาก “ป้าแขก” โกหกบิดเบือนออกสื่อ ร้านน้ำพริกนิตยา ไม่ต้อนรับ ส่งก๊วนสามนิ้วสาปแช่ง

โดยระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีที่กำลังเป็นกระแสอย่างรุนแรง คือ ดรามาน้ำพริกนิตยา

ภาพ นายพงศ์พรหม ยามะรัต ขอบคุณภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
เรื่องนี้ นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า ได้โพสต์ข้อความว่า

“พึ่งได้นั่งดูคลิปป้าแขกไปร้านน้ำพริกนิตยา บางลำภู
เจ้าของร้านน้ำพริกนิตยา บางลำภู มารยาทดีมาก พูดขอโทษ 500 รอบ ระบุชัดว่า ทีมงานที่ติดต่อมาไม่เคยเอาตัวอย่างรายการมาให้ดู ต้องขอโทษที่ยังให้มาถ่ายไม่ได้

แค่นั้นแหละ
ป้าแขกดรามาพุ่ง ไปยืนอาละวาดอยู่หน้าร้าน
โกหกออกสื่อว่า ร้านนี้ไม่รับคนเสื้อแดง ไม่ต้อนรับคนรักประชาธิปไตย ทั้งที่เจ้าของร้านไม่ได้พูดเลย

ประโยคหากินหลอกแฟนคลับจริงๆ
แอบเห็นในหลายโซเชียลมีเดีย มี 3 นิ้วกับเสื้อแดงไปบูลลี่น้ำพริกนิตยาต่างๆ นานา มีแช่งว่าแก่เป็นไดโนเสาร์เดี๋ยวก็ตาย บ้างก็บอกว่า มันเป็นสิทธิที่ใครจะทำรีวิวอะไรที่ไหนก็ได้

พวกคุณครับ คุณบอกว่าคุณรักประชาธิปไตย คุณก็ต้องเข้าใจประชาธิปไตยก่อน

ร้านคุณ ก็เหมือนบ้านคุณ คุณมีสิทธิจะให้ใครเข้า หรือไม่เข้าก็ได้ จะให้หรือไม่ให้ใครรีวิวก็ได้
เมืองนอกก็เป็น ประเทศไหนก็เป็น

แต่ที่พอเขาไม่ให้รีวิวแล้วเกิดอาการโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง นั่นคือ พวกเอาแต่ใจ เอาแต่ได้ ใช้แต่อารมณ์ ไม่เคารพสิทธิคนอื่นต่างหากครับ

แถมแฟนคลับที่ไปด่าร้านน้ำพริกนิตยาให้ตายนั่น ผมว่าพวกคุณไม่ได้ต่างอะไรกับเขมรแดงเลย
หยุดพูดเรื่องประชาธิปไตยเถอะ พวกคุณไม่ได้มีจิตสำนึกเรื่องนี้
ปล.เดี๋ยวจะรีบออเดอร์น้ำพริกนิตยาซัก 3,000 บาท ช่วยแกหน่อย เห็นโดนกลุ่มคนไทยใจเขมรแดงถล่มอยู่

แน่นอน, นี่คือ ภาพสะท้อน และอุทาหรณ์ ให้คนไทยได้ใช้สติในการดำเนินชีวิต ประกอบสัมมาชีพมากขึ้น โดยไม่เอาค่านิยม-อุดมการณ์ส่วนตัวทางการเมือง อคติส่วนตัวต่อค่านิยม-อุดมการณ์ ความเห็นต่างของคนร่วมสังคม และเพื่อนร่วมชาติ มาตัดสินสิ่งที่เกิดขึ้น ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น แบบคิดเอง เออเอง เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางความถูกต้อง เอาตัวเองเป็นใหญ่

นี่คือ สิ่งที่มีคนบางกลุ่มชี้นำเอาไว้ และสาวกทั้งหลาย ไม่ว่าใหญ่น้อย ก็คิดตาม ทำตาม ไม่ต่างกับกรณี มองคนเห็นต่างเป็น “สลิ่ม” หรือ เป็นอะไรก็ตามที่จ้องการเหยียด

ส่วนกรณีของ แขก-คำ ผกา ด้วยสิ่งที่ตัวเอง เป็นอยู่ คือ เป็นเสื้อแดง เป็นสาวกพรรคเพื่อไทย ก็เลยคิดเองเออเองว่า เจ้าของร้านไม่ชอบคนเสื้อแดง แล้วก็พาลเจ้าของร้านหาว่าอคติกับคนเสื้อแดงเสียเอง ซึ่งเรื่องอย่างนี้ไม่น่าจะเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้าย
เหนืออื่นใด นับวันยิ่งเห็นได้ชัดว่า ความแตกแยกในสังคม ส่งผลสะเทือนมากแค่ไหน มันไม่เพียงแค่อยู่ในความคิดและการแสดงออก แต่มันได้เข้าไปอยู่ในทุกย่างก้าวการใช้ชีวิต การประกอบอาชีพ และในที่สุด อาจเข้าสู่สงครามระหว่างผู้เห็นต่างได้ไม่ยาก ซึ่งน่ากลัว และไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

แต่มันจะหยุดได้อย่างไร ในเมื่อคนระดับนำในสังคม คนรุ่นใหม่ และแม้แต่สื่อเลือกข้าง มันไม่ยอมหยุดเสียแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น