ฟังความอีกด้าน “จรรยา วงศ์สุรวัฒน์” พิธีกรร่วมรายการ “คำ ผกา” ชี้แจงยาวเหยียดปมเจ้าของร้านน้ำพริกนิตยาเชิญออกจากร้าน ชี้ประสานงานตั้งแต่ยังไม่คลายล็อก แต่โปรดิวเซอร์เจอคำถามแปลกๆ เรื่องการเมืองและสถาบันฯ ก่อนถูกหักหน้าปฏิเสธกลางไลฟ์ทีวี ชี้ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ที่ผ่านมาถูกปฏิเสธบ่อย ไม่ติดใจ แต่ไม่เคยเจอแบบนี้
จากกรณีที่ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ แขก คำผกา นักเขียนและพิธีกรชื่อดัง ไปถ่ายทำรายการพร้อมกับ น.ส.จรรยา วงศ์สุรวัฒน์ หรือโรซี่ พี่สาวของ จอห์น-วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ ที่ร้านน้ำพริกนิตยา ถนนจักรพงษ์ ย่านบางลำพู แต่นางนิตยา ลักษณวิสิษฐ์ เจ้าของร้านออกมาขอโทษที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายทำ โดยให้เหตุผลว่าขอดูเนื้อหารายการก่อนแล้วค่อยมาสัมภาษณ์
ทำให้แขก คำผกา ไม่พอใจ กล่าวหาว่าร้านนี้ไม่ต้อนรับคนเสื้อแดง ไม่ต้อนรับคนรักประชาธิปไตย จนทัวร์ลงถล่มร้าน มีผู้สนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงต่างออกมาบอยคอต กล่าวหาว่าไม่แยกแยะเรื่องการเมือง ไปด้อยค่าว่าเป็นสลิ่ม เหม็นกลิ่นกะทิบูด และสาปแช่งให้ร้านตกอับ ขายไม่ได้ แต่ก็มีฝ่ายสนับสนุนการเมืองอีกขั้วหนึ่งพร้อมอุดหนุน และสนับสนุน
วันนี้ (22 ก.ย.) ทวิตเตอร์ @johnwinyu ได้เผยแพร่บทสนทนาของโรซี่ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่า
“เรื่องที่เกิดขึ้นในรายการ #โค้ชแขก วันนี้ขออธิบายเพิ่มเติมนิดหนึ่งสำหรับบางท่านที่อาจจะอยากได้รายละเอียด ที่ต้องพูดเพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันกระทบเรื่องชื่อเสียงในความเป็นมืออาชีพของ Spokedark ค่ะ อันดับแรก ขอชี้แจงว่าก่อนไปถ่ายรายการเรามีทีมงานที่ทำหน้าที่ประสานงานโลเกชันโดยเฉพาะ เราติดต่อขออนุญาตถ่ายทำล่วงหน้าทุกครั้ง ในกรณีของร้านน้ำพริกนิตยานี้มีการสื่อสารกันมาตั้งแต่ยังไม่คลายล็อกดาวน์ ทางร้านแจ้งมาว่ายินดีให้ถ่ายแต่ขอให้คลายมาตรการก่อนซึ่งเราก็ไม่ขัดข้อง
ต่อมาเมื่อคลายล็อกดาวน์ ร้านน้ำพริกนิตยาจึงเข้ามาอยู่ในตารางถ่ายทำตามระบบ ฝ่ายโลเกชันยังคงประสานงานกับร้านตามปกติ โดยก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์ประสานงานโลเกชันแจ้งมาว่าคุณนิตยาจะมาร่วมรายการด้วยและต้องการจะโปรโมตอีเวนต์การทำบุญบางอย่างที่คุณเขาเป็นเจ้าภาพ เราก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร แม้ว่าเราจะไม่ได้เชิญคุณนิตยาเข้ามาร่วมรายการตั้งแต่แรก เพราะรายการเราเป็นรายการพาชอปพากิน เราพูดถึงผลิตภัณฑ์ของร้านนิตยามาหลายครั้ง พี่แขกก็รู้จักผลิตภัณฑ์ของร้านนี้ดี ไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้าของร้าน แต่เมื่อเจ้าของร้านจะให้เกียรติ เราก็ยินดี
วันนี้เมื่อเราไปถึงที่ร้าน โปรดิวเซอร์เข้ามากระซิบว่าคุณเจ้าของร้านถามมาว่าเราจะพูดถึงสถาบันฯ มั้ย...เป็นคำถามที่แปลก แต่โปรดิวเซอร์ก็ตอบไปว่าเราไม่พูดถึงสถาบันฯ แน่นอน ถามต่อมาว่า แล้วเรื่องการเมืองล่ะ? โปรดิวเซอร์ก็ตอบตามความจริงว่าไม่ทราบว่าพิธีกรจะพูดอะไรบ้าง ซึ่งก็ถูก จะรู้ได้ไง ถามเรี่องผลกระทบของ Lockdown นี่ถือว่าเป็นการเมืองมั้ย? ถามถึงยอดขายในวันที่เศรษฐกิจตกต่ำ เป็นการเมืองมั้ย ก็คงมีหลายแนวคำตอบ แต่ก็เอาเถอะ เราไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาเพราะเราก็เป็นมืออาชีพ เราผลิตรายการก็เพื่อสร้างความบันเทิงและขยายความรู้ให้คุณผู้ชมตามหน้าที่ เราทำงานกับคนที่มีความเชื่อทางการเมืองหลากหลาย ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยต่อกันหรือไม่เราก็ยังต้องร่วมงานกัน วันนี้เราพูดเรื่องน้ำพริก เราก็จะโฟกัสที่น้ำพริก ไม่ได้มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น
แล้วเราก็เปิดรายการกันหน้าร้าน บอกว่าในที่สุดเราก็ได้พาคุณผู้ชมมาชอปร้านน้ำพริกในตำนาน นั่นนี่โน่นก็ว่ากันไป ขณะที่พูดอยู่ สายตาก็เหลือบไปเห็นน้องประสานงานเดินถือไวร์เลสไมโครโฟนออกมาจากร้าน ก็ตงิดนิดหน่อยเพราะไวร์เลสตัวที่สามนี่ก็น่าจะเป็นของแขกรับเชิญซึ่งก็คือคุณป้า แต่รายการมันเริ่มไปแล้วก็คงถามไม่ได้ เราเห็นคุณป้ามายืนอยู่ที่ทางเข้าร้านแล้ว เราก็เลยชวนคุณผู้ชมเข้าไปในร้าน เรายกมือไหว้คุณป้าเช่นเดียวกับที่เราทำกับทุกคน คำแรกที่คุณเขาถามก็คือ คนไหนคือคุณแขกคะ พี่แขกก็บอก คนนี้ค่ะ ส่วนนี่คือคุณโรซี่ เราสวัสดีคุณป้าอีกครั้ง แล้วแกก็พูดว่า แกไม่เคยดูรายการของเรา ไม่รู้ว่าเนื้อหาเป็นอย่างไรเพราะทำงานยุ่งมาก เลิกดึก กลับไปก็นอน เลยไม่เคยดูรายการ จึงไม่สะดวกให้ถ่ายทำในวันนี้ ขอกลับไปดูรายการก่อน แล้วจะเชิญกลับมาอีกที เราก็รู้แล้วล่ะว่านี่คือไม่ให้ถ่ายในขณะไลฟ์เลย แต่เป็นการพูดอย่างสุภาพ หวาน พูดไปยิ้มไป
ตอนนั้นก็งงๆ ทำอะไรไม่ค่อยถูก คิดแต่ว่าสิ่งนี้กำลังออนไลฟ์ทีวีอยู่ และทั้งหลายทั้งปวง ป้าจะดูแย่มาก เพราะมาปฏิเสธกันกลางไลฟ์แบบนี้ทั้งๆ ที่ทุกอย่างผ่านขั้นตอนการตกลงกันครบถ้วนทุกประการแล้ว นี่คือความ Unprofessional สุดๆ ที่เจ้าของกิจการหนึ่งจะพึงกระทำ โดยเฉพาะในสถานการณ์สาธารณะอย่างไลฟ์ทีวีเช่นนี้ แต่คุณเขาก็ไม่รู้ตัวและไม่จบ แทนที่จะขอโทษในความไม่เป็นมืออาชีพ ในความผิดคำพูด ในความสร้างความเสียหายทางธุรกิจให้พาร์ตเนอร์ที่มีการเจรจาตกลงทุกอย่างหมดแล้ว ป้าแกก็ยังจะบอกให้เราไปกินอาหารฟรีที่แกจัดไว้ให้อีก เรามาทำงาน ไม่ได้มาขอของฟรี เราพาคุณผู้ชมกินร้านไหน เราจ่ายเงินแบบลูกค้าตลอด ไม่เคยดีลกินฟรีไม่ว่าจะที่ไหนทั้งนั้น ไม่เข้าใจว่าการบอกว่าให้กินฟรีนี้คิดว่าต้องการสื่อความหมายว่าอะไร
ถึงตรงนี้พี่แขกคงไม่ไหวแล้วเลยบอกป้าไปว่า ไม่เป็นไร เราไม่กิน เรามีตังค์ซื้อเองได้ ป้าก็ยังไม่เลิก ยังบอกว่า ก็คุณเป็นลูกค้าร้านเราอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ (ใช่ แต่มันเกี่ยวอะไรกับการมาล้มงานแล้วให้กินฟรี ยิ่งพูดยิ่งแย่) พี่แขกเลยบอกว่าไม่เป็นลูกค้าแล้วก็ได้ เพราะคุณไม่ต้อนรับเรา เพราะเราเป็นควายแดง ร้านนี้ไม่ต้อนรับควายแดง และต่อไปตามที่เห็นกันในคลิปนั่นแหละ จริงค่ะ คุณป้าอาจจะไม่ได้พูดว่าร้านนี้ไม่ต้อนรับควายแดง คุณป้าพูดจาสุภาพมาก แต่ในเนื้อแท้แล้วอยากจะบอกว่าไม่มีความสุภาพใดๆ เลย ความสุภาพไม่ใช่แค่การพูดจาไพเราะนะคะ การปฏิเสธไม่ยอมร่วมงานกลางอากาศในขณะที่งานได้เริ่มไปแล้วนี่ต้องเรียกว่ามารยาททรามค่ะ
คุณป้ามีเวลามากมายที่จะปฏิเสธไม่ให้เรามาถ่ายรายการ ฝ่ายประสานงานเปิดคลิปรายการให้คุณดูหลายครั้งในหลายโอกาส มีการเจรจากันไปถึงขั้นที่คุณเสนอตัวร่วมรายการเอง แถมมีคอนเทนต์ของตัวเองที่ไม่เกี่ยวกับรายการและไม่เกี่ยวกับอะไรเลย เป็นเรื่องความต้องการของคุณล้วนๆ เราก็ยังตกลงยอมให้ แล้วคุณปล่อยให้กองยกมาถึงหน้าร้าน ถึงตรงนั้นคุณก็ยังสามารถบอกขอยกเลิกการถ่ายทำได้ คุณสามารถเรียกประสานงานหรือโปรดิวเซอร์ไปบอกทันทีที่ทีมไปถึงก็ยังได้ แต่คุณเลือกที่จะปล่อยให้รายการเริ่มแล้วจึงมาสร้างซีนบอกกันในขณะที่เริ่มไลฟ์ไปแล้ว คุณเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ว่าพิธีกรที่ชื่อคุณแขกคือคนไหน ทั้งๆ ที่เขาก็เอาคลิปรายการให้คุณดูแล้วหลายรอบ เพื่อที่จะบอกกับคนดูว่า คุณไม่ได้ให้ความสำคัญต่องานที่คุณเสนอตัวมาร่วมเองเลย มารยาทคืออะไร?
แล้วคุณก็มาพูดกลางไลฟ์อีกว่าคุณยังไม่เคยดูรายการของเรา คุณจึงไม่ทราบว่าลักษณะรายการเป็นอย่างไร คุณจึงไม่สะดวกที่จะให้เราถ่ายทำ ซึ่งจะเป็นความจริงได้อย่างไร เพราะอย่างที่บอก น้องเปิดคลิปรายการให้คุณดูล่วงหน้านานแล้ว และคุณเองนั่นแหละที่ยืนยันจะมาเข้ารายการพร้อมกับเรียกร้องการพีอาร์งานทำบุญของตัวเอง มารยาทมั้ยคะ?
การที่คุณมาถามว่าเราจะพูดเรื่องสถาบันฯ มั้ย พูดเรื่องการเมืองมั้ย มันชัดเจนว่าคุณไม่สบายใจกับเรา ไม่สบายใจกับจุดยืนทางการเมืองของเรา ถ้าคุณจะถอย คุณมีเวลาถอยก่อนเข้ารายการเยอะมาก คุณมีเวลาที่จะเรียกเราไปคุยเพิ่มเติม คุณมีเวลาที่จะปรึกษาหารือกันกับเราว่าคุณไม่สบายใจ ไม่ใช่รอให้เข้ารายการสดแล้วคุณมาปฏิเสธกันโดยใช้เหตุผลที่ทุกคนรู้ว่าไม่ใช่เหตุผล อันนี้คนอ่านก็ไปตัดสินกันเอาเองก็ได้ค่ะว่าการที่พี่แขกสรุปว่าเขาไม่ให้ถ่ายเพราะเราเป็นควายแดงนั้น มันมีมูลมากพอให้สรุปได้หรือไม่
Spokedark เราถูกปฏิเสธบ่อยค่ะ เราคุ้นเคยกับการถูกปฏิเสธมากๆ เราไม่ติดใจด้วย ทุกคนมีเหตุผลและข้อจำกัดของตัวเอง เราไม่เคยเอาเรื่องที่ถูกปฏิเสธออกมาฟูมฟายโวยวายอะไร เราถือว่าเป็นสิทธิ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ที่ร้านน้ำพริกนิตยา เราถือว่าเป็นความไม่เป็นมืออาชีพ ไร้มารยาทในการทำงาน และไร้มารยาทในความเป็นมนุษย์ที่พึงจะปฏิบัติต่อกัน แต่เอาจริงๆ นะ ทั้งหมดมันเกิดขึ้นสดๆ ในรายการสด เราเองก็ตกใจไม่ต่างจากคนดู ณ ขณะนั้นบอกตามตรงว่าเป็นห่วงคุณนิตยามากกว่าจริงๆ เพราะมันคือการฆ่าตัวตายแบบสาธารณะชัดๆ
เราอยากจะบอกคุณด้วยว่า ความไม่เป็นมืออาชีพของคุณทำให้เราเสียหาย เราโปรโมต episode มาร้านน้ำพริกนี้แบบยาวๆ พนักงานที่รับเงินเดือนเราจำนวนมากต้องมาเสียเวลาและเสียงานเสียการกับการดีลงานไปๆ มาๆ แล้วมาพังแบบนี้ พื้นที่สื่อของเราก็มีมูลค่า พิธีกรของเราก็มีค่าตัว ทุกอย่างเป็นต้นทุนทั้งนั้น แต่ก็เอาเถอะค่ะ คิดว่า all in all, งานนี้คนที่เสียหายทางธุรกิจและหน้าตามากที่สุดไม่น่าจะใช่เราแหละ
#โค้ชแขก #น้ำพริกนิตยา"
นะครับ😉 (1) pic.twitter.com/YObYRrBUHt— John Winyu (@johnwinyu) September 21, 2021
นะครับ(2)😉 pic.twitter.com/MdZpuzaTwq— John Winyu (@johnwinyu) September 21, 2021