“สนธิญา” ร้อง อสส.ตรวจสอบ “ทักษิณ” แจกเงิน ส.ส.ผ่านกฎหมาย เมื่อ 46 ปีที่แล้ว หวังเป็นบรรทัดฐานที่กล่าวหาสภา “แจกกล้วย-แจกเงิน” ที่แท้ก็ทำมาแต่ในอดีต แถมเจ้าตัวเปิดเผยเองในคลับเฮาส์
วันนี้ (17 ก.ย.) นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด ขอให้ตรวจสอบว่าสามารถดำเนินคดีหรือดำเนินการใดๆ ได้ ในกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในคลับเฮาส์เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 64 ว่า สมัยดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรี ของนายปรีดา พัฒนถาบุตร เมื่อปี 2518 ได้แจกกล้วย หรือแจกเงินให้กับ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลคนละ 4 หมื่น-1 แสนบาท และได้แจกเงินให้กับ ส.ส.ฝ่ายค้าน คนละ 2 แสนบาท ในเวลาที่มีกฎหมาย มีพระราชบัญญัติสำคัญเข้าสภา และกล่าวด้วยว่า ได้ไปรับเงินในจุดต่างๆ แล้วนำมารวมกันแล้วแจกจ่ายไป และทำบัญชีเพื่อรายงานให้ผู้ใหญ่ได้รับทราบ ซึ่งการกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวไม่แน่ใจว่าจะสามารถเอาผิดได้หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นมา 46-48 ปีแล้ว แต่ไม่มีใครรับรู้ และรับทราบว่าพฤติกรรมนี้เกิดขึ้น จนกระทั่งนายทักษิณ พูดเอง ตนจึงมายื่นให้อัยการสูงสุด ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2563 ซึ่งผู้ที่จะดำเนินคดีได้ คืออัยการสูงสุด และ ป.ป.ช.
“วันนี้ผมมายื่นเพื่อให้มีการตรวจสอบ ให้อัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบว่าการที่อดีตนายกฯ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อปี 2518 และท่านก็ยอมรับด้วยตัวเอง ว่า มีการแจกเงินให้กับ ส.ส.ฝ่ายค้าน และรัฐบาล เพื่อให้ พ.ร.บ.สำคัญต่างๆ ของรัฐบาลในขณะนั้นผ่าน เป็นความผิดที่สามารถดำเนินการตามกระบวนทางกฎหมายได้หรือไม่ และไม่อยากให้เป็นตัวอย่างมาจนถึงปัจจุบันนี้ ที่มีการกล่าวอ้างแจกกล้วย แจกเงิน ในรัฐสภา ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้เสื่อมเสียต่อรัฐสภา และเกียรติยศชื่อเสียงของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงขอมายื่นหนังสือเพื่อให้อัยการสูงสุดโปรดพิจารณา การกระทำด้วยคำพูดของนายทักษิณตามคลับเฮาส์เมื่อวันที่ 15 กันยายน สามารถดำเนินตามกระบวนการกฎหมายอย่างไรได้บ้าง” นายสนธิญา กล่าว
เมื่อถามว่า อัยการไม่ได้มีหน้าที่ตีความข้อกฎหมาย จะสามารถดำเนินการตามที่ยื่นได้หรือไม่ นายสนธิญา เห็นว่า อัยการมีหน้าที่ตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นไปตาม พ.ร.บ.คดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งไม่กำหนดอายุความ จึงอยากให้พิจารณาว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ และกรณีนี้เกิดขึ้นมาแล้วกว่า 40 ปีแล้ว แต่นายทักษิณเพิ่งมาเปิดเผย ทำให้เกิดความเสียหายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ตนจึงมาร้องตามสิทธิ แม้จะรู้ว่าเรื่องนี้อาจเป็นคุณต่อนายทักษิณ เพราะผ่านมานานแล้ว แต่เพื่อเป็นบรรทัดฐานถึงสิ่งที่นายทักษิณได้พูดในคลับเฮ้าส์ และหากไม่สามารถดำเนินการได้ก็จะยื่นต่อ ป.ป.ช.อีกครั้งหนึ่ง
“การเอาผิดนายทักษิณ ทำได้ยาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อให้ได้รับรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาแล้ว 40-50 ปี และการที่ นายทักษิณ ได้กล่าวหารัฐบาลชุดนี้ กล่าวหาการเมืองมาตลอดว่ามีการซื้อสิทธิขายเสียงกันในสภา แต่การที่นายทักษิณดำรงตำแหน่งทางการเมืองครั้งแรกเมื่ออายุ 25-26 ปี ก็แจกเงินให้กับ ส.ส.แล้ว ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องที่นายทักษิณพูดเอง เพราะฉะนั้น ไม่ใช่การดิสเครดิตอดีตนายกฯ”
