“เรืองไกร” เตรียมร้อง รมว.คลัง สอบ “มาดามเดียร์” เสียภาษีครบหรือไม่ พร้อมตรวจความสัมพันธ์หลังมีการปล่อยกู้และทั้งเรื่องซื้อหุ้นทั้งกับ “น้องชายและสามี”
วันนี้ (12 ก.ย.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ตามข่าวของเว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา วันที่ 8 กันยายน 2564 หัวข้อ สั่งปรับ 6.2 ล้าน! ก.ล.ต.ฟัน 7 ราย ปั่นหุ้น “เนชั่นทีวี” - “ภควันต์ วงษ์โอภาสี” ร่วมก๊วน ซึ่งในเนื้อข่าวระบุไว้ส่วนหนึ่งว่า ก.ล.ต. สั่งปรับ นายภควันต์ วงษ์โอภาสี จำนวน 1,373,201 บาท นั้น
นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีตามข่าวดังกล่าว ทำให้ตนต้องย้อนไปดูบัญชีทรัพย์สินของ นางสาววทันยา วงษ์โอสี (มาดามเดียร์) ที่เคยยื่นต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 นาวสาววทันยา แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไว้บางส่วนที่อาจเกี่ยวข้องกับข่าว ก.ล.ต. ข้างต้น คือ นายภควันต์ วงษ์โอภาสี เป็นน้องชายของ นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี ซึ่งในการแจ้งบัญชีดังกล่าว นางสาววทันยา แจ้งว่า มีเงินให้กู้ยืมแก่นายภควันต์ จำนวน 2 ครั้ง คือ ลำดับที่ 1 วันที่ 6 ธันวาคม 2561 จำนวน 24,907,500 บาท ลำดับที่ 2 วันที่ 20 ธันวาคม 2561 จำนวน 20,454,794.52 บาท รวมเป็นเงิน 45,362,294.52 บาท โดยหมายเหตุว่า ลำดับที่ 1-2 เป็นของผู้ยื่น คำนวณยอดเงินให้กู้ยืม พร้อมดอกเบี้ย ณ วันที่ 5 มิ.ย. 62 และแจ้งว่า มีเอกสารประกอบเงินให้กู้ยืม จำนวน 8 แผ่น
เมื่อย้อนไปดูการแจ้งรายได้ต่อ ป.ป.ช. พบว่า นางสาววทันยา แจ้งว่า มีดอกเบี้ยเงินกู้ยืม (ต่อปี) จำนวน 2,215,000 บาท ดังนั้น รายได้ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมดังกล่าว หากได้รับเงินมาในปีใด เช่น ในปี 2562 หรือ 2563 เงินได้นั้นถือเป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องนำไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อกรมสรรพากรด้วย กรณีจึงมีเหตุต้องขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้สั่งการให้กรมสรรพากรทำการตรวจสอบจากบัญชีที่แจ้ง ป.ป.ช. และนางสาววทันยาว่า หลังจากแจ้ง ป.ป.ช. แล้ว มีการรับเงินค่าดอกเบี้ยมาแล้วเท่าใด ปีละเท่าใด และดอกเบี้ยนั้นได้นำไปเสียภาษีแล้วหรือไม่ ในรายงานบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. นางสาววทันยา มีคู่สมรสชื่อ นายฉาย บุนนาค และเมื่อตรวจดูข้อมูลหุ้น NBC (บมจ.เนชั่น บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น) จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า หุ้น NBC มีนายฉาย บุนนาค เป็นประธานกรรมการบริษัท
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า เมื่อค้นข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ (แบบ 59) พบว่า เมื่อวันที่ 9-10 ตุลาคม 2561 นางสาววทันยา เคยซื้อหุ้น บมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS) จำนวน 4,200 ล้านหุ้นๆ ละ 0.01 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 42 ล้านบาท และต่อมา เมื่อวันที่ 11-12 ธันวาคม 2561 นางสาววทันยา เคยขายหุ้น บมจ. นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS) จำนวน 4,200 ล้านหุ้นๆ ละ 0.01 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 42 ล้านบาท ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว ใกล้เคียงกับเวลาที่ให้กู้ยืมเงินแก่นายภควันต์ ด้วย
นอกจากนี้ ยังพบว่า NBC มี นายฉาย บุนนาค เป็น ประธานกรรมการบริษัท, ประธานกรรมการบริหาร และมี บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1 จำนวน 71.45% บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) มี นายฉาย บุนนาค เป็น ประธานกรรมการบริหาร, รองประธานกรรมการ, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และมี บมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 จำนวน 9.96%
นายเรืองไกร กล่าวต่อมาว่า จากข้อมูลที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. และข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ จึงมีเหตุควรตรวจสอบขยายผลต่อไปจาก ก.ล.ต.ว่า มีความเชื่อมโยงกันระหว่าง นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี นายภควันต์ วงษ์โอภาสี และ นายฉาย บุนนาค หรือไม่ อย่างไร รวมทั้งความเชื่อมโยงระหว่าง หุ้น NBC, NMG และ NEWS ด้วย เพราะ ณ วันที่ 9 กันยายน 2564 นายภควันต์ วงษ์โอภาสี ยังเป็นผู้ถือหุ้น NBC อยู่จำนวน 5,500,000 หุ้น
นายเรืองไกร กล่าวสรุปว่า เนื่องจากค่าปรับของ ก.ล.ต. ต้องนำส่งคลัง และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องยื่นต่อกรมสรรพากร ล้วนอยู่ในการกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรณีนี้ จึงควรขอให้ รมว.คลัง ตรวจสอบรายได้ของนางสาววทันยา วงษ์โอภาสี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ ว่า มีการเสียภาษีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากดอกเบี้ยปีละ 2,215,000 บาท ต่อกรมสรรพากรโดยถูกต้องครบถ้วน หรือไม่ และตรวจสอบความสัมพันธ์รายการเงินให้กู้ยืมที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. มีความสัมพันธ์กับคดีของ ก.ล.ต. หรือไม่ โดยจะส่งหนังสือในเช้า 13 ก.ย. ศกนี้ ทางไปรษณีย์ EMS