สรุป “น้ำเน่า”! “สมศักดิ์ เจียม” หยาม ดีล “ทักษิณ-ธรรมนัส” ชี้ ม็อบ ปชช.บริสุทธิ์ ภายใต้การกระทำที่ชอบกล “วัน” บ่นเสียดาย หวังสูง “ธรรมนัส” “ฮีโร่” เปลี่ยนประเทศ “เต้น” ส่งสัญญาณเดือด ประยุทธ์ยังอยู่ ม็อบไล่ต่อ 5 ก.ย.
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (4 ก.ย. 64) นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ลี้ภัยการเมืองในฝรั่งเศส ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“เรื่องนี้จะจบยังไง ยังต้องรอดูกันต่อไป แต่ในที่นี้อยากทบทวนว่า เหตุที่ ทักษิณ-เพื่อไทย ไม่โจมตีธรรมนัส (ทักษิณยังพูดถึงค่อนข้างดี) มาจากเหตุนี้เอง จะเรียกว่า “ดีล” หรือไม่ ไม่สำคัญเท่าไร (ที่ผมเคยบอกไปว่าอาจเรียกเป็น “ดีล” อย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะตกลงไว้ก่อนหรือไม่อย่างไร) ทักษิณเรียกเองว่า เป็นการคิดทาง “ยุทธศาสตร์” (ซึ่งผมว่าเป็นการใช้ภาษาที่ผิด) สำหรับการเมืองไทยและสำหรับทักษิณ อย่างน้อยตั้งแต่ปี 2549 เราได้เห็นเป็นประจำ ภาษาชาวบ้านเรียกเป็น “ดีล” บ้าง อย่างอื่นบ้าง หรือเรียกรวมๆ ว่า “น้ำเน่า”
น่าเสียดาย ที่เห็นๆ ชาวบ้านออกมาภายใต้การนำของณัฐวุฒิ ความเรียกร้องต้องการของคนส่วนใหญ่เป็นความเรียกร้องต้องการที่บริสุทธิ์ แต่ภายใต้การกระทำที่ออกจะชอบกล”
ที่น่าย้อนให้เห็นจากคำพูดของ “สมศักดิ์” เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายทักษิณ ชินวัตร หรือ พี่โทนี่ หรือ Tony Woodsome อดีตนายรัฐมนตรี ได้พูดตอนหนึ่งใน Clubhouse (คลับเฮาส์) รายการ CARE Talk หัวข้อ พังพินาศกันไปใหญ่ เจ็บได้แต่ไม่จบ ล็อกดาวน์ไปทำไม ถ้าไม่ตรวจเชิงรุก
โดย “ทักษิณ” หรือ โทนี่ กล่าวถึง ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ รุ่นน้อง เตรียมทหาร 25 ว่า รู้จักกันครับ เป็นรุ่นน้องโรงเรียนเตรียมทหาร แต่ก็ไม่เคยทำงานร่วมกัน นอกจากตอนที่ทราบว่าเขามาอยู่กับพรรคเพื่อไทยช่วงหนึ่ง ก็ได้พูดคุยกันบ้างในฐานะรุ่นน้อง ที่ผ่านมา เห็นเขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นทางการเมือง อยากจะเติบโตทางการเมือง ซึ่งก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลของท่าน ตอนที่ท่านออกไปอยู่พลังประชารัฐ ก็ได้ทราบว่า ท่านออกไป
และวันนี้ก็ได้เป็นเลขาธิการพรรคแล้ว ก็เป็นเรื่องภายในของพรรคเขา เราจะไปวิจารณ์เขาไม่ได้ พรรคการเมืองต่างคนต่างมียุทธศาสตร์ของตัวเอง พรรคพลังประชารัฐอาจจะมองว่าท่านธรรมนัสเป็น “คนใจถึง” แล้วก็คิดว่าเลือกตั้งงวดหน้าคงต้องใช้เงินใช้ทอง ซึ่งจริงๆ แล้วการเลือกตั้งเมื่อไรที่ต้องใช้เงินใช้ทองมากมาย มันไม่เป็นประโยชน์กับประเทศทั้งนั้น ตอนนี้บางพรรคก็เร่งหาเงินหาทองเตรียมใช้เงินใช้ทองเต็มที่เหมือนกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องไม่ดีกับประเทศทั้งหมด
“อยากจะบอกน้องว่า อย่าไปทำแบบนั้น เราสร้างนโยบายดีๆ เราไปสัญญากับประชาชน แล้วต้องทำให้ได้ แล้วประชาชนก็จะสนับสนุนเราเอง และคุณธรรมนัสเอง ก็ต้องคิดว่า วันนี้เมื่อมีเสียงวิจารณ์ก็ต้องฟัง แล้วก็ปรับปรุงตัวไป เพื่อจะเป็นนักการเมืองที่ดี มีอนาคตที่ดี” (สยามรัฐออนไลน์)
ขณะเดียวกัน จากกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ากราบขอขมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นกาวใจ หลังเผชิญมรสุมที่มีการเคลื่อนไหวล็อบบี้ให้มีการโหวตคว่ำนายกรัฐมนตรี ทำให้สัญญาณศึกภายในพรรคพลังประชารัฐสงบลงนั้น
ล่าสุด นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Wan Ubumrung ระบุว่า
“หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ผมกับพี่นัสรู้จักกันตั้งแต่ พ.ศ. 2540 โดยการแนะนำของ เสธ.หิ (Oskรุ่นพี่) ผูกพันกันมานาน พี่นัสเป็นคนจริงจังจริงใจโคตรใจถึง โคตรพึ่งได้ ทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลรับใช้คนพะเยา จนได้รับชัยชนะเป็น ส.ส.อย่างสมบูรณ์แบบ แต่การได้มาซึ่งตำแหน่ง รมต.ของพี่นั้น เป็นที่กังขาของคนส่วนใหญ่ในประเทศไทย แต่ผมไม่เคยสงสัยเพราะรู้ความสามารถว่าพี่ทำได้ชื่นชมและดีใจกับพี่ด้วยซ้ำ🙏
ในสถานการณ์ปัจจุบันช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ มีข่าวลือหนาหูมีสัญญาณบางอย่างว่า พี่กับพวกกำลังจะกลายเป็นฮีโร่เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปในทางที่ดีขึ้น สุดท้ายก็บัวแล้งน้ำ ไม่มีอะไรในกอไผ่
พี่นัสที่ผมรู้จัก จริงๆ แล้วต้องเด็ดเดี่ยวกว่านี้...ว้าาาาา เสียดายจัง!!!!
รักพี่เหมือนเดิม”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน จากศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย 5 รัฐมนตรี ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งผลสรุปจากการลงคะแนนของมติในที่ประชุม ได้ไว้วางใจให้ทั้งคณะได้ทำหน้าที่ต่อไป
เรื่องนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความ โดยระบุว่า
“ประยุทธ์ยังอยู่ เราก็ยังไล่ 5 ก.ย. แยกอโศก 4 โมงเย็น สู้ด้วยกัน ไล่ด้วยกัน #ไล่ประยุทธ์”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ดีลระหว่าง “ทักษิณ-ธรรมนัส” เกิดขึ้นจริงหรือไม่?
ถ้าจะหาคำตอบเรื่องนี้ คงต้องย้อนกลับไปนับแต่มีกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในพรรคฝ่ายค้าน มีการเดินเกมที่จะร่วมรัฐบาล รวมทั้งมีกระแสข่าวว่า อาจทำให้พรรคร่วมบางพรรคกระเด็นออกมา
ต่อมา เมื่อมีการประชุมพรรคฝ่ายค้านเพื่อเสนอรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตอนแรก มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส (พรรคก้าวไกลหมายมั่นปั้นมือเอาไว้แล้ว พร้อมเตรียมข้อมูลถล่มเป็นอย่างดี) และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ด้วย แต่พอยื่นญัตติต่อ นายชวน หลีกภัย ปรากฏว่า ไม่มีชื่อของทั้งสองคนถูกอภิปรายฯ ทำให้พรรคก้าวไกล ไม่พอใจอย่างมาก และนำเอาเรื่องนี้มาแฉ เชื่อมโยงดีลจับมือร่วมรัฐบาลหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ กลายเป็นการทะเลาะที่หลายคนเชื่อว่า ยากที่จะร่วมงานกันได้อีก และพลพรรคทั้งสองฝ่าย รวมทั้งสาวก ก็ได้ออกมาผสมโรงเป็นการใหญ่ จน “ทักษิณ” ต้องออกโรงเตือนสติ เพื่อสงบศึก
โดยกล่าวทำนองว่า ต้องมียุทธศาสตร์ที่จะได้คะแนนเสียง หรือ คะแนนนิยม จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นที่ตั้ง ทั้งอ้าง ร.อ.ธรรมนัส กับ พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่เป้าหมาย เพราะไม่มีบทบาทอะไรมาก
จากนั้น ขณะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ กระแสข่าวเรื่องมีการเคลื่อนไหวให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส เป็นเลขาธิการอยู่นี้ โหวตคว่ำนายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์) ก็ดังกระหึ่มขึ้น และแม้ว่า พล.อ.ประวิตร จะประชุม ส.ส.เพื่อยืนยันสนับสนุนนายกฯและรัฐมนตรีทุกคน แต่ ร.อ.ธรรมนัส กลับให้สัมภาษณ์ทำนองว่า การโหวตเป็นสิทธิของ ส.ส.แต่ละคน แทนที่จะยืนยันตามที่ พล.อ.ประวิตร ทำความเข้าใจกับ ส.ส.
กระทั่ง ดูเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ เอง ก็ไม่มั่นใจว่า จะถูกดีลลับหักหลังหรือไม่ ที่น่าคิดอย่างมาก พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับอ้างความเป็นพี่น้อง “3 ป.” เพื่อส่งสัญญาณเตือนใครบางคน ถ้าหากมีการปากว่าตาขยิบให้คิดถึงอดีตเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันบ้าง พร้อมตีกันเอาไว้ว่า ไม่มีทางหักหลังกัน เพราะอย่าลืม พล.อ.ประวิตร กับ ร.อ.ธรรมนัส มีความใกล้ชิดกันอย่างมาก รวมถึง พล.อ.ประวิตร กับ ทักษิณ ก็ไม่ธรรมดา
สมมติว่า ถ้าดีลนี้สำเร็จจะเกิดอะไรขึ้น
ประการแรก จะมีข้ออ้างกระแส “ประชาชน” ไม่เอา “ประยุทธ์” จึงเกิดปฏิบัติการ “ล้มนายกฯ” ของ “ฮีโร่” ในพรรคแกนนำเอง เพื่อนำมาสู่การเปลี่ยนแปลง โดยกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ ให้ลาออก และถ้าไม่ลาออก ก็ชอบธรรมที่จะใช้พลังมวลชนนอกสภา กดดัน
ประการที่สอง เมื่อไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะมีแต่ “นักการเมือง” ที่จะเข้ามาเสวยอำนาจ และด้วยม็อบที่ยังต่อต้านสถาบันฯ ก็อาจทำให้นักการเมืองคิดว่าไม่มีอุปสรรคมากนัก
ประการสำคัญ จะมีการเปลี่ยนขั้วร่วมรัฐบาลตามที่มีกระแสข่าว จัดสรรปันแบ่งอำนาจ ผลประโยชน์ทางการเมือง โดยคนที่จะกุมบังเหียนก็คือ..... และตอนต่อไปก็คือ จะกลับบ้านแบบเท่ๆ ได้อย่างไร
เรื่องนี้แค่ลองอ่านเกมก็เห็นภาพขึ้นมาแล้ว มิน่า “วัน อยู่บำรุง” ส.ส.เพื่อไทย ถึงบ่นเสียดาย... มันจบแล้วครับนาย!!! เป็นอีกครั้งที่คนพูดไม่ใช่คนเดิม