ช่วงดึก 2 กันยายน 2564 ที่ รัฐสภา กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนโควิด-19 ว่า ต้องเรียนให้เข้าใจตรงกันว่า โควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ขยายความรุนแรงระบาดทั่วโลก ไม่มีใครรู้จักมาก่อน การรับมือ เฝ้าระวังป้องกัน การรักษาโรค ต้องมีการปรับแนวทางต่อเนื่องตามอาการของผู้ป่วย ซึ่งต้องขอบคุณนักวิทยาศาสตร์ของไทย อาทิ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่สามารถค้นพบรหัสพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรน่าตัวนี้ได้ตั้งแต่เริ่มมีการระบาด ทำให้เราสามารถตรวจหาผู้ป่วยที่ติดเชื้อนี้ได้อย่างรวดเร็ว คณะแพทย์ของ สธ. ร่วมมือกับคณะแพทย์ โรงเรียนแพทย์ต่างๆ ได้ปรับแนวทางการรักษาโรคให้เหมาะสม จนพบว่า การรักษาผู้ป่วยด้วยยาต้านไวรัสที่ชื่อ “ฟาวิพิราเวียร์” ทำให้อาการป่วยทุเลาลงจนหายเป็นปกติได้ หากผู้ป่วยไม่มีโรคประจำตัวอื่นๆ และใช้เวลาในการรักษาไม่นาน”
ถึงแม้จะมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ แต่เกือบทุกคน หายป่วย กลับบ้านได้ ถึงแม้ว่าจะมีผู้ป่วยที่เสียชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนในกระทรวงสาธารณสุข บุคลากรสาธารณสุขทุกคนเสียใจอย่างยิ่ง แต่อัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตของไทยยังต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของทั่วโลก และเราได้เตรียมพร้อมในด้านการแพทย์และเวชภัณฑ์อยู่ตลอดเวลา
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค ที่นำกฎหมายของหลายกระทรวงไปบูรณาการรวมกันที่ ศบค. สธ.เป็นหน่วยงานปฏิบัติหลักที่ดำเนินการตามนโยบายและข้อสั่งการของ ศบค. ซึ่งภาระที่หนักสุด คือ การจัดเตรียมสถานพยาบาลให้มีความพร้อม การมียา มีเวชภัณฑ์ให้เพียงพอ และการป้องกันควบคุมโรคให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น หาก สธ. ไม่มีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า คงไม่สามารถที่จะให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยในหลักหมื่นได้ ด้วยความพยายามอย่างเต็มที่ ทำให้อัตราส่วนผู้เสียชีวิตยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งโลก
“เรามีผู้ป่วยติดเชื้อเกินหนึ่งล้านราย แต่เป็นจำนวนสะสมตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน แต่เราก็มีผู้หายป่วยมากกว่า 9 แสนราย อัตราการเสียชีวิตยังต่ำกว่า 1% และส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวอื่นๆ ที่เป็นความเสี่ยง ขอกราบเรียนพี่น้องประชาชน ว่า ผม ท่านนายกฯ และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน รู้สึกเสียใจ ผมถือโอกาสนี้กราบขออภัยต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต ขออภัยอย่างยิ่งที่ไม่อาจรักษาชีวิตผู้ป่วยเหล่านั้นไว้ได้” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า จากที่กล่าวข้างต้นจะเห็นชัดว่า ตนไม่เคยอยู่นิ่งเฉย มีการวางแผนงานและการสั่งการออกมาตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความพร้อมต่อสถานการณ์ แต่ สธ.เราไม่ต้องใช้คำว่าสั่งการ เพียงขอให้บอก ก็พร้อมทำเพื่อสุขภาพประชาชน “ทำทันที ไม่มีรำมวย” ทั้งที่ อำนาจ บางอย่างก็ถูกตัดทอนไปให้ ศบค. แต่ก็ต้องทำ โดย ได้รับการสนับสนุนจากท่านนายกฯ และครม.
“สิ่งที่ผมได้กล่าวมานี้ หากเกิดขึ้นโดยไม่มีการวางแผนล่วงหน้า จะเกิดขึ้นไม่ได้ มันเกิดขึ้นได้จากการเข้าใจถึงปัญหาแล้วนำมาหารือร่วมกันในหมู่คนทำงาน โดยเฉพาะบุคลากรสาธารณสุข หาแนวทางปฏิบัติ ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทำการจัดตั้งและดำเนินการให้เป็นผล ทุกอย่างต้องมาจากความตั้งใจและใส่ใจในสุขภาพที่ดีของพี่น้องประชาชน ผมมั่นใจว่า ไม่ได้มีความเพิกเฉย หรือ ปล่อยปละละเลยต่อภาระหน้าที่ความรับผิดชอบของผมตามข้อกล่าวหาของพรรคฝ่ายค้าน” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ตนมั่นใจว่า สิ่งที่ดำเนินการไปทั้งหมดเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมได้ก็เพราะท่านนายกฯ มีความเข้าใจและให้การสนับสนุน โดยนโยบายและข้อสั่งการที่ตนออกทั้งหมดได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดีจากเพื่อนข้าราชการของกระทรวงสาธารณสุข เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า การที่ตนได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้ารัฐบาลและจากฝ่ายข้าราชการประจำ ย่อมต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มีความเหมาะสม มีความจำเป็นอันควรแก่เหตุ ซึ่งจะต้องผ่านการวางแผนที่รอบคอบ มีการประเมินสถานการณ์ด้วยความตระหนักรู้ ไม่ผิดมาตรฐานทางจริยธรรม ไม่ได้ทุจริตต่อหน้าที่ ไม่ได้ขาดความรู้และภูมิปัญญา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ปรากฏในญัตติข้อกล่าวหาว่า ตนขาดความรู้และภูมิปัญญา
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตนปฏิบัติในสิ่งที่ตนเองเข้าใจเป็นอย่างดีและมอบหมายให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถในแต่ละด้านได้ช่วยกันทำงานให้บังเกิดผลสำเร็จ จึงถือได้ว่าไม่ได้เป็นการคุยโม้โอ้อวดตนเอง ไม่มีการใช้อำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือการใช้กฎหมายใดๆ ในทางมิชอบและเกินขอบข่ายอำนาจที่ตนเองมีอยู่ ไม่ได้บริหารงานผิดพลาดจนทำความล้มเหลวให้กับระบบการสาธารณสุขของประเทศ ไม่เคยแม้กระทั่งจะคิดที่จะมุ่งกอบโกยผลประโยชน์ใดๆ ท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชนตามข้อกล่าวหาที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้จงใจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตน
“ผมเชื่อว่า ประชาชนจะเข้าใจในการโต้แย้งข้อกล่าวหาเหล่านี้และอยากขอความกรุณาว่าหยุดเอาโควิด-19 มาเล่นการเมือง พี่น้องประชาชนเดือดร้อนกันอยู่ มาร่วมกันช่วยแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนก่อน ไม่ใช่ไปซ้ำเติมพวกเขา พวกเราต้องชนะโควิด-19 ก่อน ระบบเศรษฐกิจถึงจะรุดหน้าเติบโตต่อไปได้ บ้านเมืองก็จะได้สงบสุขและมีความก้าวหน้า พวกเราเป็นผู้แทนราษฏร มีหน้าที่หลักเหมือนกันทุกคน คือ สร้างประโยชน์สุขให้ประชาชนทุกวัน ทุกเวลา” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า การซื้อวัคซีนได้จัดทำสัญญาวัคซีนทุกฉบับจะต้องผ่านการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุด ผ่านความเห็นของ ครม. สำหรับวัคซีนแอสตร้าฯ ไฟเซอร์ เขาให้ทำสัญญาที่มีหลายขั้นตอน ส่วนที่ถามถึงสัญญาซิโนแวค ในส่วนนี้ผู้ผลิตไม่ได้ขอสัญญา แต่ขอเป็นใบคำสั่งซื้อ ที่มีข้อกำหนดความรับผิดชอบ เงื่อนไขราคา ส่วนเรื่องค่าปรับที่ไม่มีเพราะว่าตลาดยังเป็นของผู้ขาย แต่รัฐบาลก็ต้องซื้อเพราะต้องเร่งคุมการระบาด และชีวิตประชาชนอยู่เหนือกว่าสิ่งใด แต่อย่างน้อยก็อยู่ในราคาที่ไม่ได้สูงกว่าประเทศอื่น ตามที่มีการระบุถึงการตั้งราคา 17 เหรียญ ต่อโดส ก็ยืนยันอีกครั้งว่าเราเบิกมาตามราคาซื้อจริง
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ประเทศไทยไม่ได้ขี่ม้าตัวเดียว แต่จะมีครบทุกตระกูล mRNA ไวรัลเวกเตอร์ วัคซีนชนิดเชื้อตาย โปรตีนซับยูนิต มีครบทุกแพลตฟอร์มหลัก ไม่ใช่ม้าตัวเดียวตามที่หลายฝ่ายกล่าวหา ดังนั้น ขอความกรุณาอย่าได้พูดว่า รัฐบาลแทงม้าตัวเดียว เพราะเป็นการสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชน
“ขอให้มั่นใจว่า ไม่มีทางที่ผู้ซื้อหรือผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจจะสามารถเรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ จากผู้ขายได้ ผู้ขายระบุไว้ชัดเจนว่าจะขายให้กับหน่วยงานภาครัฐเทานั้น จึงขอยืนยันว่า ไม่มีการเรียกร้องหรือได้รับผลประโยชน์ใดๆ จากเรื่องการจัดซื้อจัดหาวัคซีนอย่างแน่นอน สิ่งที่ผม คุณหมอ ท่านปลัด สธ. อธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้รับมาจากการสั่งซื้อวัคซีนในแต่ละครั้ง คือ ความปลื้มใจ ความดีใจที่จะได้เห็นพี่น้องประชาชนได้รับวัคซีนมากขึ้นและมีความหวังว่าสถานการณ์ระบาดจะดีขึ้น เป็นประโยชน์ทางใจให้ทุกคน”
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่ฉีดให้ครบปริมาณ วัคซีนทุกยี่ห้อก็มีผลข้างเคียงและมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นทั้งนั้น และยังติดเชื้อกันได้ แต่มีความสามารถป้องกันไม่ให้เจ็บหนักและเสียชีวิต มีหลักฐานอย่างชัดเจนในหลายกรณีที่เมื่อมีการติดเชื้อ พบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนจะปลอดภัยมากกว่าผู้ที่ไม่มีวัคซีนหลายเท่าตัว เป็นเหตุผลที่ ตนวิงวอนอย่าด้อยค่าวัคซีน ให้ประชาชนกลัว เพราะวัคซีนที่ไทยใช้ทุกตัวดีทั้งหมด และย้ำว่าวัคซีนที่ดีที่สุด คือ การได้ฉีดเร็วควบคู่การป้องกันโรคก็จะลดการติดเชื้อ เราจึงขอให้ประชาชนมารับวัคซีนถ้วนหน้า อย่ากลัววัคซีน และเราพร้อมให้การดูแลหากมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ประเทศไทยของเรามีวัคซีนที่พร้อมและสามารถคิดค้นสูตรการฉีดไขว้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดและเป็นไปตามแผนที่กำหนด วัคซีนทุกตัวทำงานของมันอยู่แล้ว
เราคิดไปถึงการฉีดเข็มที่ 3 หรือบูสเตอร์โดสกันแล้ว ปีหน้าทางผู้ผลิตจะทำบูสเตอร์โดสที่จะขายให้ไทย เราได้จองซื้อไว้แล้ว อาทิ วัคซีน แอสตร้าฯ เพื่อนำมาบูสเตอร์ ขณะที่สถาบันวัคซีนได้ออกจดหมายจองไฟเซอร์ อีกหลายสิบล้านโดส และ ขอให้ประชาชนร่วมส่งกำลังใจให้คณะเภสัชกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กำลังพัฒนาวัคซีนชนิดโปรตีนซับยูนิต ที่หากสำเร็จก็จะสามารถผลิตได้ปีละหลายสิบ ล้านโดสเช่นกัน