นายกฯ เปิดทำเนียบหารือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ยืนยันกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สาธารณสุข และความสัมพันธ์ระดับประชาชน
วันนี้ (27 ส.ค.) เวลา 14.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายชอง อึย-ยง (H.E. Mr.Chung Eui-yong) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลี เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยภายหลังการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลีในการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ยินดีที่ทราบว่าเคยประจำการที่สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทยมาก่อน จึงหวังว่า การเยือนไทยครั้งนี้จะเสมือนเป็นการกลับมาเยี่ยมบ้านหลังที่สองอีกครั้ง เกาหลีใต้เป็นมิตรประเทศที่ใกล้ชิดมายาวนาน เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่สำคัญของไทย ไทยพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลเกาหลีใต้ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป และไทยพร้อมสนับสนุนนโยบายมุ่งใต้ใหม่ (New Southern Policy) และนโยบายมุ่งใต้ใหม่พลัส (New Southern Policy Plus) ของเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจสีเขียว อุตสาหกรรมแห่งอนาคต และสาธารณสุข
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลียินดีที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในวันนี้ และขอบคุณต่อการต้อนรับอันอบอุ่นจากรัฐบาล โดยในช่วงเช้าวันนี้ได้หารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้หารือถึงความร่วมมือในหลายมิติ และความร่วมมือภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยฝ่ายเกาหลีมองว่านโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG ของไทยเป็นนโยบายที่ดีสอดคล้องกับนโยบาย New Green Deal ของเกาหลีใต้ จึงพร้อมสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม เพื่อการเจริญเติบโตที่สมดุลและยั่งยืนในยุคหลังโควิด-19 ผ่านนโยบายดังกล่าว
ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่เอกชนเกาหลีใต้สนใจเข้าลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเป็นอันดับหนึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ อย่างไรก็ตาม ไทยและเกาหลีใต้ยังมีโอกาสและศักยภาพในด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันอีกมาก ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการขยายความร่วมมือในสาขาที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อมุ่งสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่สมดุลยั่งยืนในยุคหลังโควิด-19 โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวเชิญชวนภาคเอกชนเกาหลีใต้มาลงทุนในเขตพื้นที่ EEC ซึ่งพร้อมรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) และไบโอเฮลท์ (BioHealth) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลีกล่าวว่า ภาคเอกชนเกาหลีใต้จำนวนมากสนใจเข้ามาลงทุนใน EEC โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
สำหรับความร่วมมือด้านสาธารณสุข ทั้งสองฝ่ายต่างมองเห็นศักยภาพระหว่างกัน ซึ่งสามารถขยายความร่วมมือกันได้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมประสิทธิภาพของรัฐบาลเกาหลีใต้ในการควบคุมสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี โดยประธานาธิบดีเกาหลีใต้ยังประกาศให้เกาหลีใต้เป็นศูนย์กลางการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโลกภายในปี 2568 ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมสนับสนุนและหวังจะได้ร่วมมือแลกเปลี่ยนกับเกาหลีใต้ในเรื่องการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้สนใจแลกเปลี่ยนความร่วมมือในการพัฒนาวัคซีน ChulaCov19 ของไทยและวัคซีนที่เกาหลีใต้จะผลิตเอง เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่อาจรุนแรงมากขึ้น
ในช่วงท้าย ไทยและเกาหลีใต้ยังหารือด้านวัฒนธรรมและการส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชน โดยต่างยินดีที่คนเกาหลีใต้และคนไทยต่างชื่นชอบวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน หวังว่าไทยและเกาหลีใต้จะมีการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้นภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังขอบคุณรัฐบาลเกาหลีใต้ที่มีนโยบายฉีดวัคซีนให้กับคนไทยที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ ซึ่งครอบคลุมกลุ่มแรงงานไทยด้วย รัฐบาลไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการจัดการฉีดวัคซีนให้แก่ชาวต่างชาติรวมทั้งชาวเกาหลีใต้ที่อาศัยในไทยอย่างรวดเร็วและทั่วถึงเช่นกัน