xs
xsm
sm
md
lg

“ก้าวไกล” รุมสับ รบ. จัดงบฯ 65 “พิธา” แนะไทยดึงโลกล้อม “รัฐประหารเมียนมา” เอาฝรั่งช่วยด้านมนุษยธรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ก้าวไกล” รุมสับ รบ. จัดงบฯ 65 “พิธา” แนะไทยดึงโลกล้อม “รัฐประหารเมียนมา” เอาฝรั่งช่วยด้านมนุษยธรรม โยงค้านตัดลดงบฯโครงการ “พัฒนาเมืองเมียวดี” ยก 3 มิติ คบ “รบ.ที่มาจากทหาร” มีแต่เสีย สับเละ “บัวแก้ว” ของบจัดซื้อฟุ่มเฟือย ไม่เห็นหัว ปชช. แฉ ซ่อมสนามเทนนิสบ้านทูตที่สเปน 9 ล้านบาท ตู้ไม้เก็บเอกสารราคาเหยียบแสน ผงะ ซื้อชุดโซฟา 1.5 ล้านบาท

วันนี้ (19 ส.ค.) การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในวันที่สอง โดยสมาชิกยังคงทยอยอภิปรายที่สงวนคำแปรญัตติไว้ เรียงตามวาระ แต่มติส่วนใหญ่ยังคงเห็นชอบตามที่คณะกรรมาธิการแก้ไข

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เสียงข้างน้อย ลุกขึ้นอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 65 มาตรา 9 งบประมาณกระทรวงการคลัง โดยเสนอตัดลดงบฯของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน กระทรวงการคลัง เกี่ยวกับโครงการพัฒนาเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ซึ่งก่อนเข้าสู่เนื้อหา นายพิธา ได้อภิปรายเชื่อมโยงไปถึงสถานการณ์ในประเทศเมียนมาตอนหนึ่งว่า ตนขอแสดงความห่วงใยไปยังประชาชนชาวเมียนมา และแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ภายหลังการรัฐประหารในเมียนมา ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศรายงานผู้เสียชีวิตในเมียนมาจากผลของการรัฐประหารล่าสุดจำนวน 1,000 คน ในจำนวนนี้ 75 ราย เป็นเด็ก มีผู้สูญหายมากกว่า 100 ราย ผู้ที่ถูกคุมขังเพราะความคิดทางการเมือง 5,700 คน และมีมากกว่า 2.3 แสนราย ที่ต้องหนีตายจากสงคราม

“ถึงแม้ว่าสมาชิกอาเซียนจะมีฉันทามติ 5 ประการ และตั้งผู้แทนพิเศษอาเซียน เพื่อแก้ไขปัญหานี้ แต่ก็ยังไม่สามารถขับเคลื่อน และยังมีความเฉื่อยชากับปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้นในสมาชิกอาเซียนของเรา จนนานาชาตินอกอาเซียนอย่างประเทศออสเตรเลีย ไม่ว่าจะเป็นรัฐสภาออสเตรเลีย กรรมาธิการออสเตรเลีย ต้องขอความร่วมมือให้รัฐบาลออสเตรเลียเข้าไปแก้ไขปัญหาในเมียนมาโดยด่วน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวต่อว่า สำหรับประเทศไทยในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้านเมียนมา มีความจำเป็นที่จะทำให้อาเซียนมีเสถียรภาพในช่วงวิกฤตโควิด ซึ่งอาเซียนยังเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 ถ้ายังมีวิกฤตของมุนษยชาติ วิกฤตความรุนแรง และวิกฤตการเมือง จะกลายเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต ที่ไทยต้องรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเต็มๆ อย่างไรก็ตาม ไทยควรสร้างช่องทางการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ให้ยูเอ็นสามารถเอาความช่วยเหลือไปช่วยผู้หนีภัยสงครามภายใต้เมียนมาได้ โดยไม่ต้องผ่านกองทัพ
นายพิธา กล่าวด้วยว่า ดังนั้น โครงการพัฒนาเมืองเมียวดี ที่จะช่วยเหลือรัฐบาลทหารเมียนมา ตนมี 3 เหตุผล ที่จะต้องตัดลดงบฯลง 1. มิติเศรษฐกิจ สถานการณ์ชายแดนแม่สอด-เมียวดี ยังมีสงครามการต่อสู้ทางการเมือง มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ส่งผลต่อจีดีพีติดลบ 18 เปอร์เซ็นต์ และเศรษฐกิจเมียนมาจะติดลบถึง 30 เปอร์เซ็นต์ 2. มิติหลักสากล ไม่มีหน่วยงานไหนอนุญาตให้มีการเบิกจ่าย และชะลอโครงการที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหารทั้งสิ้น การที่เรายังสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากทหารเป็นการส่งสัญญาณว่าเราให้คุณค่ากับการปกครองแบบใด และ 3. มิติรายจ่าย งบฯปีที่แล้วไม่ได้ผูกพันกับงบฯปีนี้ และไม่ได้เริ่มก่อสร้างแต่อย่างใด

ส่วนมาตรา 10 งบประมาณของกระทรวงต่างประเทศ 3,744,942,300 บาท นายจิรัฎฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส. พรรคก้าวไกล ขอตัด 10 เปอร์เซ็นต์ โดยระบุว่า ยังพบการจัดซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็นอยู่จำนวนมาก เช่น การเสนอซื้อรถประจำตำแหน่งเอกอัครราชทูตใหม่ 12 คัน ทั้งที่เพิ่งใช้งานผ่านไปเพียง 5-6 ปีเท่านั้น โดยอ้างว่า ซ่อมแพงกว่า ซึ่งทาง กมธ.ตัดไป 2 คัน งบขอปรับปรุงก่อสร้างสนามเทนนิสที่บ้านทูต ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน ของบประมาณมา 9 ล้าน ตัดเหลือ 7 ล้าน นอกจากนี้ ยังมีรายการขอจัดซื้ออื่นๆ ทั้งเก้าอี้ที่มีระบบนวดในตัว อุปกรณ์ฟิตเนส เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรทัศน์ 4K ขนาด 60 นิ้วขึ้นไป โซฟารับแขก ราคาไม่ต่ำกว่า 7-8 หมื่นบาท เครื่องคั้นน้ำผลไม้ เครื่องฟอกอากาศ ตู้แช่ไวน์ ตู้ไม้คลาสสิกสำหรับเก็บเอกสารราคาเกือบแสน ซึ่งตนเห็นว่ารายการจัดซื้อเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนแต่อย่างใด ไม่เข้าใจว่า ทูตก็คือข้าราชการคนหนึ่ง ทำไมต้องเหนือกว่าข้าราชการคนอื่นด้วย การของบประมาณเช่นนี้คือการของบแบบไม่เห็นหัวประชาชน

ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ กมธ.สัดส่วนพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอตัดลดงบกระทรวงต่างประเทศลง 120 กว่าล้านบาท เพราะใช้งบประมาณจัดซื้อครุภัณฑ์และปรับปรุงสถานทูตอย่างมหาศาล แต่มีปัญหาเรื่องการให้บริการประชาชนช่วงการแพร่ระบาดโควิดที่มีคนไทยตกค้างในต่างประเทศจำนวนมาก แต่มีปัญหาการติดต่อช่วยเหลือคนไทยไม่ให้เดินทางกลับประเทศไทยได้ทันท่วงที การติดต่อเป็นไปด้วยความยากลำบาก ไม่ปรับปรุงการให้บริการ ปรับปรุงเพียงแค่ภาพลักษณ์ภายนอกองค์กร เช่น สถานทูตกรุงแฟรงก์เฟิร์ต สั่งซื้อผ้าม่าน 2 ชุด มูลค่า 736,000 บาท ใช้มา 5 ปี ขณะที่สถานทูตบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ซื้อชุดโซฟารับแขก 3 ชุด มูลค่า 1.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลการรีวิวการทำงานของสถานทูตเหล่านี้ในต่างประเทศ พบว่า ผลการรีวิวแย่มาก เช่น สถานทูตกรุงแฟรงก์เฟิร์ต ถูกคอมเมนต์ในเพจของสถานทูต ว่า โทร.ไป 20 ครั้งไม่มีคนรับสาย ทำงานแต่เฉพาะตอนบ่าย ส่วนสถานทูตกรุงบูดาเปสต์ ถูกรีวิวว่า เป็นสถานทูตแย่ที่สุดในโลก ไม่รู้กฎหมายและสิทธิของชาวฮังการี แต่ยังได้รับรางวัลเป็นชุดโซฟา 1.5 ล้านบาท คิดว่าย้อนแย้งกัน ควรเพิ่มตัวชี้วัดกระทรวงต่างประเทศเรื่องผลการพึงพอใจการใช้บริการของสถานทูตต่างๆ ด้วย










กำลังโหลดความคิดเห็น