ตาก - “ร.อ.ธรรมนัส-รมช.เกษตรฯ” ลงพื้นที่ชายแดน เร่งนโยบายเปิดพื้นที่ ส.ป.ก.ปลูกฟ้าทะลายโจร ย้ำผู้ว่าฯ สกัดกั้นคนลอบข้ามแดน-เจรจาเพื่อนบ้านเคลียร์ปัญหาธุรกิจใต้ดิน ป้องกันโควิดลามซ้ำเติมวิกฤต
วันนี้ (6 ส.ค. 64) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค พปชร. พร้อมคณะทำงานได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่แพร่ระบาดตลอดแนวชายแดนจังหวัดตาก โดยเข้ารับฟังบรรยายสรุปที่ห้องประชุมด่านพรมแดนถาวรแม่สอดแห่งที่ 2
โอกาสนี้ ร.อ.ธรรมนัสยังได้มอบอุปกรณ์ที่จำเป็นที่ขาดแคลนอย่างหนักในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก เช่น หน้ากาก N95 ชุด PPE ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลแม่สอด และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าของชายแดนแม่สอดด้วย
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ตนพร้อมคณะทำงานของรัฐบาลลงพื้นที่มาติดตามสถานการณ์และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด่านหน้าของอำเภอแม่สอดที่ทำงานต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเต็มกำลังความสามารถ และยังต้องเจอกับน้ำท่วมเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย
และได้ประชุมกับหน่วยงานราชการในพื้นที่แม่สอด 3 เรื่อง ตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับมา คือ 1. การลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าว ซึ่งได้มอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดตากสกัดกั้นอย่างเข้มงวด ให้พยายามประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้อะไรก็ตามที่ทำกันใต้ดินนำขึ้นมาอยู่ในระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยให้จัดระเบียบให้เรียบร้อยทั้ง 2 ประเทศ เพื่อจะได้คัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้มาแพร่ระบาดในบ้านเรา
2. การรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวในการป้องกันตนเองในเรื่องของการแพร่ระบาดเชื้อโควิด ให้ป้องกันตนเองเพื่อตัวเอง พร้อมกับเร่งขับเคลื่อนการปลูกสมุนไพรฟ้าทะลายโจรในพื้นที่ ส.ป.ก. 240 ล้านไร่ทั่วประเทศไทย ตามนโยบาบนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อแจกแก่พี่น้องประชาชนในทุกหมู่บ้านทุกตำบลใช้รักษาเบื้องต้น
ณ เวลานี้ในพื้นที่กรุงเทพฯ หลายชุมชนใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาตนเอง ซึ่งถือว่าได้ผล 90% ส่วนของกระทรวงยุติธรรมก็รักษาผู้ต้องขังโดยใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาได้ 90% ด้วยเช่นกัน
และเรื่องสำคัญสุดท้ายที่เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลห่วงใยคือ ปัญหาอุทกภัยน้ำท่วม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อที่รัฐบาลจะมีมาตรการในการเยียวยาพี่น้องประชาชนที่รับผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเกษตร ปศุสัตว์ และประมง โดยให้เร่งสำรวจโดยเร็วที่สุด ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดในพื้นที่ชายแดนแม่สอดยังไม่ดีขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แหล่งที่เกิดการระบาดขณะนี้ได้แพร่กระจายไปทุกชุมชนของอำเภอแม่สอด ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวจนทำให้พื้นที่รักษาในโรงพยาบาลแม่สอดเต็มทุกห้อง จนต้องสร้างโรงพยาบาลเพิ่มหลายแห่งทั่วพื้นที่อำเภอแม่สอด และที่น่าตกใจคือ มีผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง
โดยโรงพยาบาลแม่สอดรายงานขณะนี้มีผู้ติดเชื้อรวม 1,777 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยระดับสีเขียวมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือเกือบจะไม่แสดงอาการ จำนวน 1,544 ราย ผู้ป่วยสีเหลืองระดับอาการไม่รุนแรง 133 ราย ผู้ป่วยสีส้มระดับอาการรุนแรงต้องใช้ออกซิเจน 68 ราย และผู้ป่วยระดับสีแดงมีอาการหนักมีโอกาสเสียชีวิตสูงต้องรักษาตัวในห้องผู้ป่วยวิกฤตจำนวน 32 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ด่านหน้าของโรงพยาบาลแม่สอดต้องทำงานดูแลผู้ติดเชื้อตลอด 24 ชั่วโมง