“เพื่อไทย” งง “ก้าวไกล” ไม่จบหลังยื่นซักฟอก ยันเป็นมติกลุ่มไม่มีดีลลับ เผย ไม่ได้ตัดแค่ชื่อ “บิ๊กป้อม” ยังตัด “สุริยะ-จุรินทร์” ด้วย เหตุโฟกัสประเด็น ศก.- โควิด เป็นหลัก ดับวิมานจับมือ พปชร.ตั้งรัฐบาล โวไม่เอาอนาคตไปแลกกับคนที่สังคมไม่ยอมรับ
วันนี้ (17 ส.ค.) นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยว่า ในการประชุมวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทุกพรรคมากันครบ โดยได้แจ้งที่ประชุมให้ทราบถึงไทม์ไลน์ ที่สภาฯจะมีการพิจารณาวาระสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1. ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65 2. ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) และการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งในสัปดาห์หน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือกันเรื่องรัฐธรรมนูญ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่า พรรคได้เสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ แต่กลับไม่มีชื่อบุคคลทั้งสองในญัตติ นายสุทิน กล่าวว่า ระยะหลังจะมีปัญหาแบบนี้เรื่อยๆ จนเราเริ่มผิดสังเกต เราก็แก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการอื่น พรรคร่วมฝ่ายค้านมี 6 พรรค ถ้าตัดสินด้วยคนใดคนหนึ่งจะเกิดปัญหา เราจึงใช้กระบวนการหารือร่วมกัน และตัดสินใจร่วมกัน ดังนั้น การอภิปรายครั้งนี้เราก็เกรงว่าจะเกิดปัญหา จึงพูดคุยกันเรื่องการกำหนดตัวผู้อภิปราย โดยให้มาคุยกันในที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน และตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งการหารือครั้งนี้ บางพรรคเสนอชื่อ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ทางกลุ่มก็พิจารณาว่าหลักฐานไม่พอก็ตกไป บางพรรคเสนอชื่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ทางกลุ่มพิจารณาแล้วเห็นว่า ยังไม่มีหลักฐานความผิดใหม่ก็ตกไปเช่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร ทั้งหมดตัดสินใจผ่านกระบวนการกลุ่ม นอกจากนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรคฝ่ายค้านให้ความสำคัญไปที่เรื่องเศรษฐกิจ และ โควิด-19 รายชื่อต่างๆ ที่ปรากฏว่า ไม่ได้ถูกนำมาอภิปรายล้วนอยู่ในข้อจำกัดนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วก็อภิปรายเขาแล้วทำอะไรไม่ได้
“เราไม่ได้ตัดเฉพาะ พล.อ.ประวิตร แต่ตัด นายสุริยะ และ นายจุรินทร์ ด้วย ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลมุ่งมั่นตั้งใจเราก็เข้าใจ แต่เมื่อกระบวนการกลุ่มเห็นอย่างนี้ ท่านจะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็เลยมีปัญหาขึ้นมา ส่วนหากเพิ่มชื่อ พล.อ.ประวิตร ก็ต้องเพิ่มชื่อนายสุริยะ และนายจุรินทร์ ให้อีกพรรคหนึ่งด้วย หรือจะคิดว่าเป็นเอกสิทธิ์ กลุ่มอย่ามายุ่ง ถ้าแต่ละพรรคเสนอมา 2-3 คน แบบไม่มีข้อจำกัด อาจจะเป็น 10-20 คน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า จะไม่เป็นอะไรในที่สุดกระบวนการกลุ่มก็จะแก้ปัญหานี้ได้เช่นเคย และต้องเข้าใจว่าต้องอยู่ตามระบบนี้แบบนี้ เมื่อวานก็ยังพูดคุยกันดี จนนาทีสุดท้ายก่อนยื่นให้ประธานสภาฯ แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นยังไม่ได้คุยกัน” นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน กล่าวว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่แค่พรรคก้าวไกล แต่ภายในพรรคเพื่อไทยเอง นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็อยากอภิปราย พล.อ.ประวิตร แต่เมื่อพิจารณาแล้วก็ตกตั้งแต่ในพรรค และพรรคอื่นก็เห็นไม่ต่างกันจึงตกไป นอกจากนี้ ครั้งนี้เราเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมค่อนข้างมาก มีการส่งมาหลายชื่อ เมื่อไม่เป็นดั่งใจ เราก็อธิบายไม่มีอะไรลึกลับหรือดีลลับ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาล นายสุทิน กล่าวว่า เป็นธรรมดาที่จะล็อบบี้ซึ่งไม่ใช่แค่พรรคก้าวไกล เขาก็โทร.มาพรรคเพื่อไทยด้วย โทร.มาหาตนด้วย แต่คนใดคนหนึ่งตัดสินไม่ได้ ถ้าเราเคารพกระบวนการกลุ่มจึงจะทำงานได้ ไม่เช่นนั้น ก็ทำงานไม่ได้
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวที่ไม่ชื่อ พล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส เพราะอนาคตหาก พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากการเป็นนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย จะจับมือกันตั้งรัฐบาลเป็นไปได้หรือไม่ นานสุทิน กล่าวว่า เป็นการสร้างวิมานที่ยากมาก เพราะ ร.อ.ธรรมนัศ มีคนอยากอภิปรายเยอะ แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นมีใครเสนอชื่อ เพราะเพิ่งจะอภิปรายผ่านมา และเขาได้ตอบแล้ว ซึ่งครั้งนี้ยังไม่มีอะไรใหม่ ส่วนที่นายกฯลาออก แล้วสองพรรคจะจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่มีใครคิดสูตรนี้ รวมถึงพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่ การที่จะคิดเป็นรัฐบาลแบบไม่ลืมหูลืมตาก็ ทำไมเขาจะไม่คิดว่าอนาคตเขาจะไม่เหลือ แฟนคลับเขาทั่วประเทศ สร้างเนื้อสร้างตัวมาจนเป็นรัฐบาลมาไม่รู้กี่สมัย จะไปกระเหี้ยนกระหือรืออยากเป็นรัฐบาลแค่นี้แลกกับความช้ำใจของสมาชิกไม่คุ้ม ใครคิดการเมืองแบบนี้ตนคิดว่าไม่คุ้ม แล้วยิ่งถ้าไปร่วมรัฐบาลกับคนที่สังคมไม่ยอมรับก็เท่ากับไปฆ่าตัวตาย โอกาสพรรคเพื่อไทยยังมีอีกเยอะเรื่องอะไรจะไปเสียโอกาสกับเรื่องแค่นี้ ลงเลือกตั้งใหม่เขาก็ยังมีโอกาส และความหวัง