เดี๋ยวรู้! “ลูกโอ๊ค พานทองแท้” หนุน “ม็อบ 15 สิงหา” ขู่ลั่น ใครจะอยู่ใครจะไป “ทะลุฟ้า” สู้แล้วรวย ตามรอยใคร? “เต้น” ไม่รอด “แรมโบ้อีสาน” จัดหนัก เตรียมดำเนินคดีเป็นชุด ยื่น “ปปง.” สอบเส้นทางการเงิน “ป่วนเมือง”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (15 ส.ค.64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “ลูกโอ๊ค พานทองแท้” โผล่หนุน “ม็อบ 15 สิงหา” ขู่ตำรวจลั่น ปราบ 10 จะออกมาอีก 100 ใครจะอยู่ใครจะไป!?
โดยระบุว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 64 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. แถลงรายละเอียดกิจกรรมนัดชุมนุม CAR PARK #ไล่ประยุทธ์ ซึ่งในกรุงเทพมหานคร ขบวนจะเคลื่อนตามเส้นทาง ที่กำหนดจุดนัดหมายไว้ 3 จุด เวลา 14.00 น.
พร้อมมีกลุ่มที่เข้าร่วมด้วยกันทั้งหมด 6 กลุ่ม กล่าวคือ
1. กลุ่ม Carmob โดย นายสมบัติ บุญงามอนงค์
(บก.ลายจุด) นัดหมายจัดกิจกรรม “คาร์ม็อบ”
เริ่มขบวนเวลา 13.00 น.จาก จ.อยุธยา มายังถนนวิภาวดีรังสิต สิ้นสุดกิจกรรม 18.00 น.
2. กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย
นำโดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นัดหมายจัดกิจกรรม “CAR PARK”
เวลา 14.00 น. พบกัน ณ จุดนัดหมาย 3 เส้นทาง
จุดที่ 1 แยกราชประสงค์
จุดที่ 2 อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
และจุดที่ 3 พระนครศรีอยุธยา จะสิ้นสุดกิจกรรมเวลา 18.00 น.
3. กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นำโดย นายธนเดช ศรีสงคราม หรือ ม่อน อาชีวะ
นัดหมายจัดกิจกรรม “คาร์ม็อบ คนพันธุ์ R” พร้อมกันที่ ห้าแยกลาดพร้าว เวลา 14.00 น.
4. กลุ่มราษฎรนนทบุรี
นำโดย นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง (ไบร์ท ราษฎร)
นัดหมายจัดกิจกรรม “Carmob” เริ่มขบวนจาก สถานีรถไฟฟระนั่งเกล้า
เวลา 13.00 น. และจะสิ้นสุดที่ แยกพระนั่งเกล้า เวลา 17.00 น.
5. กลุ่มราษฎรนครปฐม
นำโดย นางสาวสุพิชชา ช่วงชัยชนะ นัดหมายรวมตัวที่ องค์พระปฐมเจดีย์ (ฝั่งโพธิ์ทอง) เวลา 11.00 น. เพื่อเคลื่อนขบวนสู่ ถนนวิภาวดี-รังสิต กทม. ร่วมกับกลุ่ม บก.ลายจุด
6. กลุ่มทะลุฟ้า ของนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (ไผ่ ดาวดิน ตอนนี้อยู่ระหว่างถูกคุมขัง) จัดกิจกรรม “คาร์ม็อบ” ร่วมกับกลุ่มไทยไม่ทนฯ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 14.00 น.
ล่าสุด “โอ๊ค” หรือ “พานทองแท้ ชินวัตร” บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวีตข้อความ ผ่านทางทวิตเตอร์ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 64 ระบุว่า
“อธิบายง่ายๆ คือ กำลังจะจูงจมูกประชาชนให้เชื่อว่า
เจ้าหน้าที่รัฐ สามารถใช้แก๊สน้ำตา, กระสุนยาง ยิงใส่เบ้าตาประชาชนได้ ประเทศไหนๆ เขาก็ทำกัน
แต่ปากกาเลเซอร์ ห้ามยิงใส่เจ้าหน้าที่ มันคืออันตราย
#ปราบ 1 เกิด 10
#ปราบ 10 เกิด 100
#ม็อบ 15 สิงหา
#ใครจะอยู่ใครจะไป”
ขณะเดียวกัน หลังจากที่เพจทะลุฟ้า-thalufah ได้โพสต์ประกาศความเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยประกาศว่า ทะลุฟ้าจะเข้าร่วม 15 สิงหา Car Park ไล่ประยุทธ์ ขบวนพวกเราจะเริ่มที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป โดยขบวน Car Park มี 3 จุด
1. จุดนัดพบวินรถตู้ตรงข้ามอยุธยาปาร์ค
(ปลายทางห้าแยกลาดพร้าว)
2. จุดนัดพบแยกราชประสงค์
3. จุดนัดพบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ต่อมา เพจทะลุฟ้า ได้มีการไลฟ์สด พูดคุยกับกลุ่มมวลชน ก่อนไปรวมตัวในเวลา 14.00 น. หลายเรื่อง เช่น ปัญหาของรัฐบาล ขอให้นายกฯลาออก นอกจากนี้ ยังมีการปักหมุดเลขที่บัญชีธนาคาร ขอให้มวลชนร่วมบริจาคเงิน สนับสนุนจากพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปทำกิจกรรมของกลุ่มทะลุฟ้า และสรรค์สร้างเส้นทางอนาคตใหม่ ซึ่งทางเพจได้มีการชี้แจงยอดเงินล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา ว่า มีประมาณ 2 แสนบาทแล้ว และเรายังขาดแคลนอุปกรณ์อีกมาก ที่ทำให้ต้องมีการใช้เงิน
อย่างไรก็ตาม การนำทีมของก๊วนทะลุฟ้า ในวันที่ไร้ “ไผ่ ดาวดิน” นั้น ทำให้กระแสตอบรับจากมวลชนค่อนข้างเงียบเหงากว่าทุกครั้ง นอกจากนี้ บัญชีทางการเงินของกลุ่มนี้ ก็มีความชัดเจนเช่นกัน ว่าจะไม่ใช้ช่วยเหลือมวลชนจากก๊วนอื่น เพราะมีคนเข้าไปสอบถามว่า เงินที่เปิดรับบริจาคนั้น ขอให้เอาไปช่วยเด็กวัย 14 ที่ถูกระเบิดมือขาด แต่แอดมินเพจทะลุฟ้าไม่ได้สนใจตอบกลับ อีกทั้งยังไม่ปรากฏเรื่องการแจกแจงบัญชี ว่านำเงินไปใช้ในส่วนไหนบ้าง
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน จากกรณีที่ นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ได้ออกมาคัดค้านการเคลื่อนไหวของม็อบ 15 สิงหา ที่นำโดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.
พร้อมบอกว่า คนเสื้อแดงจะไม่ขอออกไปร่วมม็อบด้วย ที่ผ่านมา ถูกหลอก เจ็บปวดเพราะมวลชนถูกปล่อยทิ้ง ติดคุก และมีคดี แต่แกนนำสู้แล้วรวย จากนี้จะเรียกร้องให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายณัฐวุฒิด้วย
เรื่องนี้ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 16 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่กองปราบปราบ ตนและทนายความ จะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และพวกในข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอีกหลายมาตรา
และในวันเดียวกัน เวลา 11.30 น จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่สำนักงาน ปปง. เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมการเงินในการเคลื่อนไหวของนายณัฐวุฒิและพวกในครั้งนี้ด้วย จึงขอเชิญสื่อมวลชนทุกสำนักทำข่าวที่กองปราบปรามฯ และสำนักงาน ปปง.ตามวันเวลาดังกล่าว...
แน่นอน, ดูเหมือนทุกฝ่าย ไม่ต้องการอยากเห็น “ความรุนแรง” ในบ้านเมือง ไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม หรือขอคืนพื้นที่เพื่อสาธารณชน รวมทั้งผลสำรวจประชาชน (โพล) ที่ออกมา ก็ชัดเจนว่า อยากเห็นคนไทยร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อเอาชนะการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาความเดือดร้อนร่วมกันของมนุษยชาติ
แสดงว่า ประชาชนมีความเห็นตรงกันว่า ปัญหาใหญ่ของประเทศ คือ โรคระบาดร้ายแรง ที่คร่าชีวิตคนไทยวันละหลายคน และติดเชื้อเป็นจำนวนมาก
ปัญหาการเมือง ปัญหาปฏิรูปสถาบันฯ จึงไม่ได้อยู่ในความสนใจเร่งด่วนของประชาชนแต่อย่างใด
เพียงแต่มีคนจำนวนหนึ่ง ที่แกล้งมองไม่เห็นความเดือดร้อนที่แท้จริงของประชาชน ฉวยโอกาสในจังหวะที่รัฐบาลบริหารงานผิดพลาดเรื่องวัคซีน ปลุกปั่นให้เป็นเรื่องการเมือง และล้มล้างสถาบันฯ เพื่อสนองตัณหาของพวกตัวเอง โดยเฉพาะการสร้างบรรยากาศการชุมนุมร่วมกับม็อบ 3 นิ้ว ซึ่งต้องการปฏิรูปสถาบันฯ ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
หรือสรุปง่ายๆว่า พวกเขา “เดือดร้อน” เสียเอง ที่มีสถาบันและกลุ่ม พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ แล้วมาชวนคนไทยร่วมแก้แค้น อ้างเป็นปัญหา “ประชาธิปไตย”
ดังนั้น ถ้าเรียกร้องยุติความรุนแรง ต้องเรียกร้องกับทั้งสองฝ่าย คือ หยุดการชุมนุมทางการเมืองทุกรูปแบบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่จำเป็นต้องไปสลายใคร หรือ ไปคุมฝูงชนเอากับใคร
ประการต่อมา ทุกคนหันมาช่วยกันแก้ปัญหาโรคโควิด ทั้งเรื่องการรักษา และการป้องกัน หยุดด้อยค่าวัคซีนทุกตัว ปล่อยเป็นหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ หยุดสร้างความกลัวที่จะฉีดวัคซีน รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างเต็มที่เพื่อให้ทุกคนเข้าถึง และหาวิธีที่จะได้มาซึ่งวัคซีนที่มีคุณภาพ อย่างเพียงพอกับประชาชนทั้งหมด
ที่สำคัญ ปัญหาตรวจสอบรัฐบาลประยุทธ์ กดดันให้ลาออก ให้เป็นหน้าที่ของรัฐสภา ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ต้องทำงานให้สมกับกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ความไว้วางใจจากประชาชน ต้องขุดคุ้ยหาหลักฐานเอาผิดการทุจริต หรือ บกพร่องให้ได้ อย่าใช้แค่ข่าว ข้อมูลจากสื่อ เพราะอย่าลืมเวลานี้สื่อก็เลือกข้างจำนวนมาก อย่าแค่บิดเบือนกล่าวหา เพราะถึงที่สุดก็เอาผิดไม่ได้ กดดันไม่ได้ ล้มรัฐบาลไม่ได้ อย่าหวังแต่ตัวช่วยนอกสภา เหมือนพวกขี้แพ้ไร้น้ำยา นี่คือ การพัฒนาทางการเมืองที่ประชาชนอยากเห็นมากที่สุด
ส่วนกลุ่ม ก๊วนม็อบทั้งหลาย องค์กรที่เป็นกลางทั้งหมด ต้องช่วยกันคิดหาทางออก โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ อย่างการ “ปฏิรูปสถาบันฯ” ไหนๆ ตอนนี้ก็พูดกันตรงไปตรงมาแล้ว ก็ทำ “ประชามติ” ให้รู้ผลไปเลย แบบประชาธิปไตย ว่าคนไทยส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือไม่ ถ้าเห็นด้วยจะปฏิรูปแค่ไหน อย่างไร ไม่เห็นด้วยก็เลิกคิด เพราะมีรัฐธรรมนูญรองรับการมีอยู่ของสถาบันอยู่แล้ว ส่วนถ้าคิดว่า รัฐธรรมนูญไม่ครอบคลุมดีพอ ก็แก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป
ถ้าไม่เช่นนั้น ปัญหาที่คนไทยแตกแยกทางความคิดอยู่แล้ว ก็จะมีแต่ต่อสู้เพื่อเอาชนะกัน ตั้งแต่ระดับสูง ลงไปถึงระดับล่าง แล้วอะไรจะเกิดขึ้นในที่สุด ลองคิดดู!!!