เมืองไทย 360 องศา
เรียกว่าทยอยเพิกถอนประกันตัวบรรดาแกนนำ “ม็อบสามนิ้ว” จนต้องกลับเข้าไปอยู่ในเรือนจำอีกรอบ โดยเริ่มนำร่องไปก่อน ก็คือ รายของ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” ตามมาด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” และ นายอานนท์ นำภา เป็นรายล่าสุด
ทั้งนี้ บรรดาแกนนำม็อบดังกล่าวที่ใช้สัญลักษณ์ “สามนิ้ว” นอกจากถูกศาลสั่งเพิกถอนการประกันตัวแล้ว ทุกคนยังถูกตั้งข้อหาเพิ่ม โดยเฉพาะคดีกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่เกี่ยวกับการ “หมิ่นพระมหากษัตริย์” แทบทั้งสิ้น
การถูกเพิกถอนการประกันตัวดังกล่าว นอกจากทำให้พวกเขาต้องถูกนำตัวกลับไปคุมขังยังเรือนจำตามข้อหาที่เคยถูกดำเนินคดีก่อนหน้านี้แล้ว ยังคาดว่ามีผลกระทบต่ออิสรภาพของพวกเขาระหว่างการพิจารณาคดีในระยะยาวอีกด้วย
เพราะหากพิจารณาจากคำสั่งศาลที่อธิบายเหตุผลเอาไว้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างจากคดีหมายเลขดำ อ.287/2564 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน กับพวกรวม 22 คน เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง มั่วสุมชุมนุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ซึ่งภายหลัง นายพริษฐ์ จำเลยที่ 1 ได้รับการประกันตัว โดยศาลตีราคาประกัน 7 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามนายพริษฐ์ จำเลยที่ 1 กับพวกอีก 2 คน คือ นายอานนท์ นำภา จำเลยที่ 2 และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง จำเลยที่ 5 ไปกระทำผิดในลักษณะเดียวกันนี้อีก แต่นายพริษฐ์ กับพวก กลับมากระทำผิดซ้ำอีก จนพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอให้ไต่สวนข้อเท็จจริง และมีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัวนายพริษฐ์ กับพวกอีก 2 คน คือ นายอานนท์ นำภา จำเลยที่ 2 เเละ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง จำเลยที่ 5 ด้วย เนื่องจากกระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวของศาล
“ศาลอาญาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ในส่วนของนายพริษฐ์ จำเลยที่ 1 โจทก์มีภาพถ่ายของ จำเลยที่ 1 ที่ได้โพสต์รูปตนเองถือภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ซึ่งมีข้อความไม่เหมาะสม ข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานดังกล่าว รับฟังได้อย่างชัดแจ้งโดยไม่จำต้องทำการไต่สวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงปรากฏเพิ่มเติมอีก”
“การกระทำของจำเลยที่ 1 ถือว่ามีเจตนาด้อยค่า หรือลดคุณค่าขององค์พระมหากษัตริย์ และจะมีผลเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในที่สุด อันเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1 ทั้งศาลเคยตักเตือนจำเลยที่ 1 และกำชับจำเลยที่ 1 ผ่านผู้กำกับดูแลมาแล้ว”
จึงให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายพริษฐ์ จำเลยที่ 1 ให้ผู้ประกันจำเลยที่ 1 (แม่เพนกวิน) ส่งตัวจำเลยที่ 1 ต่อศาลภายใน 3 วัน โดยให้แจ้งคำสั่งให้ผู้ประกันจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ทราบ
ส่วน นายอานนท์ นำภา จำเลยที่ 2, น.ส.ปนัสยา หรือ รุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล ที่ 5 ที่ให้ไต่สวนอีกครั้งวันที่ 7 ก.ย.นี้
นี่ว่ากันเฉพาะกรณีการเพิกถอนประกันตัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ในกรณีทำผิดตามมาตรา 112 เพียงคดีเดียวเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายคดีที่เกี่ยวกับการละเมิดพระมหากษัตริย์ ยาวเป็นหางว่าว และที่ผ่านมา ได้รับการอนุญาตให้ประกันตัวออกไประหว่างการพิจารณาคดี โดยมีเงื่อนไขดังกล่าว เช่น ห้ามเคลื่อนไหวกระทำสร้างความเสื่อมเสียกับสถาบันฯ และเคลื่อนไหวในลักษณะก่อความวุ่นวายอีก
ส่วนรายอื่นที่ถูกถอนประกันตัวไปแล้วเช่นเดียวกัน คือ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” แม้ว่าจะถูกเพิกถอนประกันตัวเป็นคนแรก แต่ก็ไม่ได้มาจากคดีเดียวกับ นายพริษฐ์ แต่เป็นคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมคดีอื่น นายอานนท์ นำภา ที่ถูกออกหมายจับซ้ำในคดีความผิด มาตรา 112 จากการชุมนุมโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่หน้าหอศิลป์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมา และเขาก็ได้มอบตัว เมื่อตอนค่ำวันที่ 9 สิงหาคม และศาลเพิกถอนประกันตัวเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังรวมถึง นายภาณุพงศ์ จาดนอก อีกด้วย
ดังนั้น ยังเหลือแกนนำหลักอีกคนหนึ่ง คือ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” ที่ศาลนัดไต่สวนกรณีถูกยื่นคำร้องให้เพิกถอนประกันตัว โดยศาลนัดวันที่ 7 กันยายนนี้ แต่หากในช่วงเวลาจากนี้เธอยังเคลื่อนไหวชุมนุมอีก มันก็มีโอกาสที่จะถูกออกหมายจับ และถูกถอนประกันตัวตามมาเหมือนกับรายอื่นข้างต้น
แน่นอนว่า สำหรับผู้ต้องหาหรือจำเลยทั้งหลาย สิ่งที่ปรารถนามากที่สุดระหว่างถูกดำเนินดคีหรือระหว่างถูกพิจารณาคดีในชั้นศาลก่อนมีคำพิพากษาก็คือ การ “ได้รับการประกันตัว” ออกมา เพราะนอกจากเป็นเรื่องของ “อิสรภาพ” แล้ว ยังน่าจะมีผลบวกต่อการสู้คดี การเตรียมพยานหลักฐาน การมีโอกาสได้ปรึกษากับทนายความ เอาเป็นว่าย่อมดีกว่าถูกคุมขังอยู่ในเรือนระหว่างการพิจารณาคดีจนจบ
ขณะเดียวกัน ในกรณีของแกนนำม็อบสามนิ้ว ทั้งหมดที่กล่าวมา ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองกันว่าจะมีอนาคตอย่างไร เพราะจะเรียกว่า “รนหาที่” ก็น่าจะใช่ เพราะที่ผ่านมา ศาลก็อนุญาตให้ประกันตัวออกมาแล้ว โดยมีเงื่อนไขห้ามไม่ให้เคลื่อนไหวในลักษณะที่เคยถูกดำเนินคดีมาแล้ว รวมไปถึงห้ามเคลื่อนไหวสร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่พวกเขาก็ยังทำในลักษณะที่เรียกว่า “เหิมเกริม” กว่าเดิมอีก
โดยในคำสั่งศาลที่เพิกถอนประกันตัว มีข้อความที่น่าสนใจตอนหนึ่ง ก็คือ เป็นลักษณะพฤติกรรมที่กระทำผิดแบบเดิม และ “ไม่เกรงกลัวกฎหมาย” ซึ่งอย่างหลังนี่แหละ มันน่าจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคำสั่งหากมีความพยายามมาขอประกันตัวในอนาคต เพราะทำผิดเงื่อนไขให้เห็นชัดเจนมาแล้ว !!