เมืองไทย 360 องศา
เหมือนกับการวางแผนช่วงจังหวะเวลาเอาไว้พอดิบพอดี กับการเดินเข้ามอบตัวของบรรดาแกนนำม็อบสามนิ้ว เริ่มจาก นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” และ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” นายอานนท์ นำภา น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” และ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” โดยทั้งหมดมีทั้งถูกออกหมายจับเพิ่มเติมในคดีชุมนุมก่อความวุ่นวาย ฝ่าฝืนพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน และฝ่าฝืนพระราชบัญญัติโรคติดต่อ ฯลฯ
โดยผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำทั้งหมดดังกล่าว ได้กระทำความผิดหลายกรรมหลายวาระ จนจำไม่หวาดไม่ไหว ชนิดที่เรียกว่าเคลื่อนไหวก่อเหตุในลักษณะที่เคยถูกดำเนินคดีในลักษณะเดิม คดีเดิมๆ เหมือนกับก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะคดีที่เป็นความผิดเกี่ยวข้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในลักษณะของการ “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”
โดยบางคนล่าสุด เช่น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ยังถูกออกหมายจับในคดีใหม่ กรณีที่ไปก่อความวุ่นวายหน้ากองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 จังหวัดปทุมธานี จากการไปชุมนุมกดดันให้ปล่อยตัว นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” และได้เข้ามอบตัว เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ก่อนหน้าการชุมนุมของกลุ่มม็อบสามนิ้ว ในชื่อ “เยาวชนปลดแอก” เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งในคดีนี้ศาลอนุญาตให้ฝากขัง
อย่างไรก็ดี สำหรับ นายพริษฐ์ ยังมีกรณีที่ศาลนัดไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนการประกันตัว คดีหมายเลขดำ อ.287/2564 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน กับพวกรวม 22 คน เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง มั่วสุมชุมนุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ซึ่งภายหลัง นายพริษฐ์ จำเลยที่ 1 ได้รับการประกันตัว โดยศาลตีราคาประกัน 7 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้าม นายพริษฐ์ จำเลยที่ 1 กับพวกอีก 2 คนคือ นายอานนท์ นำภา จำเลยที่ 2 เเละ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง จำเลยที่ 5 ไปกระทำผิดในลักษณะเดียวกันนี้อีก
แต่ นายพริษฐ์ กับพวกกลับมากระทำผิดซ้ำอีก จนพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอให้ไต่สวนข้อเท็จจริง และมีคำสั่ง เพิกถอนการประกันตัวนายพริษฐ์ กับพวก อีก 2 คนคือ นายอานนท์ นำภา จำเลยที่ 2 เเละ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง จำเลยที่ 5 ด้วย เนื่องจากกระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวของศาล
ศาลอาญาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ในส่วนของนายพริษฐ์ จำเลยที่ 1 โจทก์มีภาพถ่ายของจำเลยที่ 1 ที่ได้โพสต์รูปตนเอง ถือภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของ รัชกาลที่ 10 ซึ่งมีข้อความไม่เหมาะสม ข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานดังกล่าวรับฟังได้อย่างชัดแจ้ง โดยไม่จำต้องทำการไต่สวน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงปรากฏเพิ่มเติมอีก
การกระทำของจำเลยที่ 1 ถือว่ามีเจตนาด้อยค่า หรือลดคุณค่าขององค์พระมหากษัตริย์ และจะมีผลเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในที่สุด อันเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยที่ 1 ทั้งศาลเคยตักเตือนจำเลยที่ 1 และกำชับจำเลยที่ 1 ผ่านผู้กำกับดูแลมาแล้ว จึงให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราว นายพริษฐ์ จำเลยที่ 1 ให้ผู้ประกันจำเลยที่ 1 (แม่เพนกวิน) ส่งตัวจำเลยที่ 1 ต่อศาลภายใน 3 วัน โดยให้แจ้งคำสั่งให้ผู้ประกันจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ทราบ ส่วนนายอานนท์ นำภา จำเลยที่ 2, น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล จำเลยที่ 5 ให้ไต่สวนอีกครั้ง วันที่ 7 ก.ย.นี้
สรุปว่า ในกรณีนี้ นายพริษฐ์ ได้ถูก “ถอนการประกันตัว” ต้องกลับเข้าเรือนจำอีกครั้ง และในอนาคตข้างหน้า เชื่อว่า โอกาสที่จะได้รับการประกันตัวเหมือนกับคราวที่แล้วคงยากกว่าเดิม อันเนื่องจากมีพฤติกรรม และความเคลื่อนไหวในลักษณะความผิดตามฟ้องซ้ำๆ แบบที่เรียกว่า “ไม่เกรงตัวกฎหมาย”
ส่วน นายอานนท์ นำภา แม้ว่าการไต่สวนในการเพิกถอนการประกันตัวยังต้องรอในวันที่ 7 กันยายน แต่ล่าสุด เมื่อตอนค่ำวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา เขาได้ถูกออกหมายจับ และมอบตัวในคดีกระทำความผิด มาตรา 112 ซ้ำอีกครั้ง จากการชุมนุมปราศรัยที่หน้าหอศิลป์ ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการสอบสวน และมีแนวโน้มสูงที่จะไม่ได้รับการประกันตัว
สรุปก็คือ เวลานี้ มีแกนนำสามนิ้ว ที่มีทั้งถูกถอนประกันตัว และเข้าเรือนจำระหว่างการดำเนินคดี ก็คือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ส่วนรายอื่น เช่น นายอานนท์ นำภา ได้มอบตัวในคดีถูกออหมายจับในคดี “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการปราศรัยชุมนุมหน้าหอศิลป์” เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ผ่านมา และ นายภาณุพงศ์ จาดนอก ที่ศาลอนุญาตให้ฝากขังต่อ
แน่นอนว่า บรรดาแกนนำสามนิ้วดังกล่าวถือว่า เป็นแกนนำสำคัญที่เคลื่อนไหวในลักษณะเดิม ในแบบที่ระบุว่า “ไม่เกรงกลัวกฎหมาย” จึงถูกถอนประกันตัว และถูกดำเนินคดีในข้อหาเดิม
ที่น่าสังเกตก็คือ เป็นการเข้ามอบตัวก่อนการชุมนุม ตั้งแต่ในช่วง 7 สิงหาคม และวันที่ 10 สิงหาคม ซึ่งการชุมนุมทั้งสองครั้งดังกล่าว เป็นการชุมนุมที่ถูกมองว่ามีเจตนาก่อความรุนแรง โดยเฉพาะการชุมนุม เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่า การชุมนุมวันที่ 10 สิงหาคม จะเกิดเหตุซ้ำรอยเดิมอีก แต่คราวนี้บรรดาแกนนำต่างมีเจตนา “หลบอยู่ข้างหลัง” โดยชิงเข้ามอบตัว อย่างน้อยก็เพื่อ “เซฟตัวเอง” ในที่ปลอดภัยเอาไว้ก่อน และ “เทม็อบ” ให้ขับเคลื่อนกันตามลำพัง และเสี่ยงให้เกิดความรุนแรงโดยไร้การควบคุมหรือเปล่า !!