นายกรัฐมนตรีเปิดหน่วยคัดกรองผู้ป่วย COVID-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) กลุ่ม ปตท. ในโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ถือเป็นต้นแบบความร่วมมือรัฐ-เอกชน
วันนี้ (11 ส.ค.) เวลา 09.30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดหน่วยคัดกรองผู้ป่วย COVID-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) กลุ่ม ปตท. โครงการลมหายใจเดียวกัน ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่ม ปตท. ด้วยความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและพันธมิตรทางการแพทย์ ผ่านระบบออนไลน์ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ศาสตราจารย์พิเศษ ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขานายกรัฐมตรี นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรียืนยันรัฐบาลเร่งดำเนินการทุกมาตรการเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย โดยมีการทำงานและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งการดำเนินการตรวจเชิงรุกให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อตรวจคัดกรองเชิงรุกในการค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชนให้รวดเร็วและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น การเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ การเปิดช่องทางการเข้าถึงการรักษา การกำหนดแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน (Home Isolation) และการดูแลผู้ป่วยในชุมชน (Community Isolation) รวมถึงจัดตั้งโรงพยาบาลสนามต่างๆ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลสนามให้สามารถรองรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังขอบคุณภาคเอกชนที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในด้านต่างๆ และชื่นชมบริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่ได้สนับสนุนงบประมาณ รวมถึงนำความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมในการคิดค้นอุปกรณ์และวัสดุเพื่อช่วยเหลือการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และสามารถนำมาใช้เพื่อช่วยเหลือสังคมด้านต่างๆ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และพันธมิตรทางการแพทย์ ในการจัดตั้ง “โครงการลมหายใจเดียวกัน” เพื่อร่วมช่วยเหลือประชาชน และเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีช่องทางการเข้ารับการรักษามากขึ้น และขอให้หน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจร แบบเอ็น ทู เอ็น (End-to-End) ภายใต้ “โครงการลมหายใจเดียวกัน” บรรลุวัตถุประสงค์ ตามความตั้งใจที่ต้องการช่วยเหลือประชาชน สังคม และประเทศชาติ
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า รัฐบาลทำงานโดยเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เดินหน้าดูแลทั้งเศรษฐกิจ สุขภาพ และด้านสังคม โดยมีแผนงานหลัก แผนงานรอง และแผนเผชิญเหตุ โดยเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดมีความรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลจึงได้ออก พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อบูรณาการการทำงานทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ จัดตั้งและพัฒนาทรัพยากรโรงพยาบาลสนาม ในระดับเขียว เหลือง แดง รวมทั้งเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า จำนวนผู้รักษาหาย เพิ่มมากขึ้น ใกล้เคียงกับจำนวนผู้ติดเชื้อหรือมากกว่าในบางวัน แสดงถึงประสิทธิภาพด้านสาธารณสุขไทย วันนี้ ความร่วมมือ ร่วมใจ เสียสละ ยังเป็นแบบอย่างในอนาคต ที่ภาคเอกชนสังคม พร้อมช่วยเหลือ รัฐบาล ประชาชน เพราะน้ำใจเดียวคือลมหายใจเดียวกัน ในการช่วยเหลือประชาชน เมื่อร่วมมือกันคือพลังไทย ไทยจะเติบโตทุกสาขาอย่างมีศักดิ์ศรี ยุคหลัง Post Covid-19 ด้วย
อนึ่ง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่ม จัดตั้งหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) แห่งแรก ที่เอกชนร่วมกับภาครัฐ ภายใต้ชื่อ “โครงการลมหายใจเดียวกัน” ประกอบด้วย 4 จุดหลัก ได้แก่จุดที่ 1 หน่วยคัดกรอง โครงการลมหายใจเดียวกัน : ณ อาคาร Energy Terminal หรือ Enter ของบริษัท Energy Complex กลุ่ม ปตท. ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร เป็นจุดคัดกรองสำหรับกลุ่มเสี่ยง โดยใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit และหากพบว่ามีการเสี่ยงติดเชื้อ จะนำส่งตรวจ RT-PCR ต่อไป ขณะที่ จุดที่ 2, 3 และ 4 เป็นโรงพยาบาลสนามครบวงจร เพื่อรองรับการรักษาตามระดับความรุนแรง
- โรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยระดับ สีเขียว ในรูปแบบของ Hospitel จำนวน 1,000 เตียง กระจายไปในหลายโรงแรม
- โรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ป่วยระดับ สีเหลือง ที่มีอาการในระดับหนักขึ้น เปิดให้บริการ ณ โรงแรมเดอะบาซาร์ กรุงเทพฯ มีเตียงผู้ป่วยจำนวน 300 เตียง มีระบบไฮโดรเจน ท่อสายตรง Direct Tube ส่งตรงถึงทุกเตียงผู้ป่วย
- โรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยระดับ สีแดง จัดสร้างโรงพยาบาลสนาม ICU บนพื้นที่ 4 ไร่ สำหรับผู้ป่วยจำนวน 120 เตียง บริเวณพื้นที่โล่งของโรงพยาบาลปิยะเวท จัดทำห้องรักษาความดันลบแยกรายผู้ป่วย มีการติดตั้งถังออกซิเจนเหลวขนาด 10,000 ลิตร พร้อมห้องฉุกเฉินพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง