“สุพัฒนพงษ์” กางแผนกระทรวงพลังงานร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยฝ่าโควิด-19 ครอบคลุมทั้งมิติเศรษฐกิจและสังคม ผนึกหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจในสังกัดเตรียมอัดเม็ดเงินลงทุนปีนี้กว่า 2 แสนล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีเม็ดเงินลงทุนไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท จ้างงานรวมแล้วกว่า 36,000 ตำแหน่ง ครึ่งปีหลังปักหมุดจ้างเพิ่มอีก 2,300 ตำแหน่ง ลดค่าไฟช่วยประชาชน ผุด 4 แผนพลังงานหลักขับเคลื่อนโรงไฟฟ้าชุมชนและพลังงานในอนาคต
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เพื่อบรรเทาผลกระทบโควิด-19 ที่ผ่านมา แผนพลังงานเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าไปดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งมิติสังคมและสิ่งแวดล้อมภายใต้ความร่มมือ “พลังงาน พลังใจ ขับเคลื่อนไทยให้ยั่งยืน” ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดและรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงานมาอย่างต่อเนื่องโดยมิติเศรษฐกิจได้ผลักดันให้เกิดการลงทุนตามแผนการลงทุนปี 2564 กว่า 200,000 ล้านบาท เพื่อพยุงเศรษฐกิจของประเทศให้เดินไปข้างหน้า
โดยครึ่งปีแรกของปี 2564 (เดือนมกราคม-มิถุนายน 64) มีเม็ดเงินลงทุนไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท ผ่านโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานต่างๆ ของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับ ได้แก่ บมจ.ปตท. และบริษัทในเครือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมทั้งบริษัทในเครือ โดยในส่วนของ ปตท.มีโครงการลงทุนที่สำคัญ เช่น โครงการสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวแห่งใหม่ จังหวัดระยอง โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เส้นที่ 5 และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากสถานีควบคุมความดันก๊าซธรรมชาติ ราชบุรี-วังน้อยที่ 6 การติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) และการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ขณะที่โครงการสำคัญในส่วนของ กฟผ. เช่น โครงการโรงไฟฟ้าบางปะกง (ทดแทนเครื่อง 1-2) โครงการขยายระบบส่งไฟฟ้า ระยะที่ 12 โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางและกรุงเทพฯ เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า เป็นต้น
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก กระทรวงพลังงาน โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ยังสามารถจัดเก็บรายได้จากกิจการการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกว่า 25,000 ล้านบาทนำส่งรัฐ ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญในการนำเงินดังกล่าวไปพัฒนาประเทศในช่วงเวลาวิกฤตนี้
ขณะที่มิติด้านสังคม ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยจัดทำโครงการเยียวยาอย่างรอบด้าน ทั้งมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนด้านค่าใช้จ่ายพลังงาน ได้แก่ มาตรการลดค่าไฟฟ้าในรอบเดือนกุมภาพันธ์ ถึงมีนาคม และเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนที่ผ่านมา และมีการลดค่าไฟฟ้าเพิ่มในรอบเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม หลังจากที่ยังคงมีการระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ส่วนมาตรการด้านการจ้างงานสร้างอาชีพ โดยผลักดันให้เกิดการจ้างงานไปแล้วกว่า 36,000 ตำแหน่ง และยังจะมีการจ้างเพิ่มในช่วงครึ่งหลังปี 2564 อีก 2,300 ตำแหน่ง ตลอดจนมาตรการช่วยเหลือด้านสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์
นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า กระทรวงพลังงานยังได้เดินหน้านโยบายพลังงานที่มุ่งเน้นเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศใน 4 แผนด้านพลังงานหลักๆ ที่สำคัญ ได้แก่ แผนพลังงานชาติ ซึ่งจะก่อให้เกิดการลงทุนในโครงการพลังงานสีเขียวรองรับแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ 2. แผนการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV เพื่อผลักดันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของโลก 3. แผนการพัฒนาปิโตรเคมีระยะที่ 4 ซึ่งจะมุ่งสนับสนุนให้มีการขยายเพิ่มเติมจากโครงการเดิมในพื้นที่ EEC เพื่อสร้างฐานทางเศรษฐกิจใหม่ (New S-Curve) และ 4. แผนการส่งเสริมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก นำร่องจำนวน 150 เมกะวัตต์ ซึ่งจะก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจกระจายลงสู่ในระดับรากหญ้าให้มากยิ่งขึ้น