โฆษกพรรคกล้า ห่วงงบกลาง1.6 หมื่น ล.เหมือนตีเช็คเปล่า เบิกได้ล่าช้า วอน กมธ.ประชุมนัดพิเศษ โยกไปไว้ 5 หน่วยงานจัดการโรคระบาด บริหารจัดการได้รวดเร็ว
วันนี้ (10 ส.ค.) นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 65 วาระที่ 2 และ 3 วันที่ 18-20 สิงหาคมนี้ว่า งบกลางปี 2565 ไม่ได้กำหนดหมวดไว้ใช้เพื่อสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะ เหมือนงบประมาณปี 2564 ดังนั้น การแปรญัตติงบประมาณ 16,300 ล้านบาท ไปไว้ที่งบกลาง ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่างบประมาณจะถูกนำไปใช้ในสถานการณ์โควิด-19 เหมือนกับตีเช็คเปล่าต้องรอลุ้นให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ไม่มีประโยชน์
นายแสนยากรณ์ กล่าวว่า ยังมีเวลาเหลืออีก 1 สัปดาห์ ก่อนเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมใหญ่วาระ 2 และ 3 จึงอยากให้คณะกรรมาธิการเปิดประชุมเพิ่มเติมพิจารณาทบทวนให้ดี หรือกรรมาธิการเสียงข้างมากจะแจ้งต่อที่ประชุมใหญ่ ยอมให้แปรญัตติงบประมาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง หรือนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้ดูแลการใช้จ่ายงบกลาง จะให้คำมั่นสัญญากลางที่ประชุมสภาฯ ว่า จะโยกงบไปใช้ในสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะ 5 องค์กรหลักที่เกี่ยวข้องโดยตรง คือ สภากาชาดไทย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม และ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ
“งบประมาณปกติหรือเงินกู้ ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิด-19 ปกติก็เบิกจ่ายล่าช้าอยู่แล้ว หากโยกงบประมาณไปไว้งบกลาง ตีเช็คเปล่า ไม่มีแผนงานชัดเจน ยิ่งจะทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณช้าไปอีก งบประมาณ 1.63 หมื่นล้านบาท แทนที่จะกระจุกไว้งบกลาง หรือนายกรัฐมนตรี ควรโยกงบประมาณไปไว้ 5 หน่วยงาน ที่จัดการโควิด-19 น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า รวดเร็วกว่า ไม่มีการเมือง ไม่ล่าช้า” นายแสนยากรณ์ กล่าว