xs
xsm
sm
md
lg

อยู่ได้ด้วย"ผลงาน"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้จะตกเป็นเป้าโจมตีมาโดยตลอดในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งที่หลายฝ่ายพยายามชี้ให้เห็นว่า ‘หมอหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข แทบจะไม่มีอำนาจสั่งการตามโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.

แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดบุคลาการในกระทรวงสาธารณสุขต่างพร้อมให้การสนับสนุน รมว.สาธารณสุขรายนี้เต็มที่

หาก ‘อนุทิน’ ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารงานจริง น่าจะมีความเคลื่อนไหวของบุคลาการทางการแพทย์และสาธารณสุข ออกมาเคลื่อนไหวกดดันให้ไขก๊อกพ้นเก้าอี้ หรือเจอการเมืองภายในที่จัดได้ว่า เป็นกระทรวงที่แรงเป็นลำดับต้นๆ ในประเทศเล่นงานไปแล้ว

ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะที่ผ่านมา ‘หมอหนู’ เป็นหนึ่งคนที่ออกมาเรียกร้องและปกป้องผลประโยชน์ของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเสมอ ตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับบน โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่ออกมาเรียกร้องให้เพิ่มค่าตอบแทนให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตั้งแต่การระบาดรอบแรก

และในภาวะบุคลากรทางการแพทย์เริ่มอ่อนล้า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่หนักหน่วงและยืดเยื้อ ‘หมอหนู’ ยังหาช่องเติมพลัง ด้วยการเตรียมขยายกรอบบรรจุข้าราชการ โดยเร่งให้สำรวจรายชื่อ กลุ่มตกค้าง ลูกจ้างชั่วคราว พนักงานกระทรวง เพื่อเสนอให้อนุกรรมการข้าราชการพลเรือนกระทรวงสาธารณสุขพิจารณา เพื่อหวังสร้างขวัญกำลังใจในการต่อสู้กับโควิด-19 อีก

ขณะที่เรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่สาม เพื่อเป็นบูสเตอร์ แม้จะถูกสังคมจับผิด แต่หากย้อนดูไทม์ไลน์ จะพบว่า ‘หมอหนู’ คือ ตัวตั้งตัวตีในการที่จะให้บุคลากรทางการแพทย์ และบุคลาการด่านหน้าต่างๆ ได้รับการฉีดก่อนใคร เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยง โดยมีหลายครั้งที่ขับเครื่องบินนำวัคซีนไปส่งตามจังหวัดต่างๆ เอง โดยล่าสุดเดินทางไป จ.นครสวรรค์ เพื่อส่งมอบวันซีนเพื่อนำไปบูสเตอร์ให้กับบุคลาการทางการแพทย์ และอสม.ด้วยตัวเอง

ส่วนเรื่องเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดสภายในปีนี้นั้น ‘อนุทิน’ ยังเป็นหนึ่งคนที่พยายามจะสนองนโยบาย ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สำเร็จ หลังถูกสังคมค่อนแคะว่าเป็นตัวเลขที่ไม่มีทางทำได้ โดยพยายามเร่งฉีดวัคซีนให้บุคลาการทางการแพทย์ ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ยังใช้สถานีกลางบางซื่อเป็นจุดฉีดวัคซีน ที่ทำให้ประชาชนใน กทม. ปริมณฑล และต่างจังหวัด ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้รับวัคซีนอย่างรวดเร็ว

โดยปัจจุบันประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนไปแล้วถึง 20 ล้านโดส โดยตัวเลขเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พบว่า 20,478,635 โดส ซึ่ง นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่าเป็นอัตราฉีดที่เร็วมากในช่วงหลัง

นอกจากนี้ ยังเป็นคนที่เปิดกว้างและรับฟัง หลังจากก่อนหน้านี้มีหลายภาคส่วนเสนอให้มีการนำฟ้าทะลายโจรมารักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยได้เดินหน้าผลักดันสมุนไพรชนิดนี้อย่างเต็มตัวในฐานะ รมว.สาธารณสุข โดยเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ได้เดินทางไป อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เพื่อเปิดพิธี Kick off โครงการส่งเสริมปลูกสมุนไพรฟ้าทะลายโจร พร้อมกับมอบต้นกล้าฟ้าทะลายโจรให้โรงพยาบาลส่งเสริมตำบลใน 8 อำเภอ

ขณะที่ในมิติทางการเมือง แม้จะมีข่าวความขัดแย้งออกมาเสมอระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะวิวาทะของ ส.ส.ของทั้งสองพรรค ตลอดจนเสียงเสี้ยมจากฝ่ายค้านให้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แต่ถึงนาทีนี้แทบไม่มีสัญญาณใดๆ ที่จะออกมาเด้งรับคำยั่วยุ ยุยง

ขณะเดียวกัน ทุกครั้งที่มีคราว ‘อนุทิน’ มักจะเป็นหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลคนแรกๆ ที่ออกมายืนยันสยบข่าวลือเสมอว่า ยังอยู่ร่วมรัฐบาล และให้การสนับสนุนการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเต็มที่ โดยไม่กลัวทัวร์ลงที่ปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์เลย

หลายครั้งหลายหน ‘อนุทิน’ ออกตัวปกป้องและตอบโต้แทน พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่าคนในพรรคพลังประชารัฐเองเสียอีก แม้จะมีข่าวว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำและไม่ได้รับการให้เกียรติเท่าที่ควรในการแก้ไขโควิด-19 ครั้งนี้ ก็ตาม

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่หนักหนาสาหัส และกระแสโซเชียลมีเดียที่พากันถาโถม เต็มไปด้วยการเสี้ยมและยั่วยุจากฝ่ายตรงข้าม เหตุใด ‘อนุทิน’ ยังยืนอยู่ได้ โดยได้รับการสนับสนุนจากบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุขอย่างเต็มที่

นั่นเพราะทุกคนที่ทำงานเห็นมาตลอดว่า ที่ผ่านมา ‘อนุทิน’ ได้ทำอะไรให้บ้าง




กำลังโหลดความคิดเห็น