ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “หมอบุญ” มโนต่อไม่ไหว ขอจบดีลไฟเซอร์ทิพย์ แต่ปมปั่นหุ้น ทั้ง ก.ล.ต.- ตลาดหลักทรัพย์ ต่อคิวจองกฐินรัวๆ
ดีลจะนำเข้าวัคซีน mRNA ไฟเซอร์ 20 ล้านโดส ของ “หมอบุญ” นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG มาถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่า ช้อยขอเก็บฉากกันไปเรียบร้อย
นพ.บุญ บอกเองว่า ถึงเวลานี้ 99% ไม่สามารถนำเข้าได้แล้ว เพราะต้องผ่านภาครัฐ ยกตัวอย่างโมเดอร์นา ก็ต้องผ่านองค์การเภสัชกรรม มีขั้นตอนมากมาย เจออุปสรรคร้อยแปด ที่ไม่สามารถทำได้ ...เราทำมาสามครั้งแล้ว เราถอดใจแล้ว โดยที่โดนยึดเงินมัดจำไปสองครั้ง
ขั้นนี้แล้ว “นพ.บุญ” ยังชี้แจงกรณีที่ถูกกล่าวว่า “วัคซีนทิพย์” และกล่าวหาว่า “ปั่นหุ้น” ที่สังคมค้างคาใจ โดยระบุว่า เรื่องหุ้นซื้อประจำอยู่แล้วทุกเดือน การที่เขาได้กำไรสัก 4 ล้านบาท จากธุรกิจ 1.8 หมื่นล้านบาท แต่วัคซีนอย่างเดียว เราใช้เงิน 3 หมื่นล้านบาท ที่จะซื้อ เป็นการเปรียบเทียบที่ทุเรศมาก อีกอย่างหนึ่ง อย่าไปสนใจ ขนาดอดีตประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ขนาดที่คิดว่าแย่ที่สุด ก็มีคนโหวตให้ตั้งหลายล้านคน
เรียกว่า ทิ้งท้ายจบข่าวปิดดีลมโน หมอบุญก็ขอกลับเมืองทิพย์อย่างหล่อๆ ซะหน่อยว่างั้น
พอชัดเจนว่า “ดีลล่ม” แน่แล้ว ข่าวนี้ทำให้ “ชาวหุ้น” เป็นผึ้งแตกรัง ขอแยกทางหุ้น THG กันเป็นทิวแถว ส่งผลต่อราคาลดลงมาเหลือ 28.25 บาท หรือลดลง 2.50 บาท 8.13% มูลค่าซื้อขาย 200.56 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ก็ออกโรงเตือนนักลงทุน และขอให้ “หมอบุญ” ชี้แจง เช่นเดียวกับ คนคุมกฎอย่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก็ขอต่อคิวจองกฐินให้หมอบุญเร่งเคลียร์ปมที่อาจเข้าข่ายปั่นหุ้น สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุน ภายใน 7 วัน
งานนี้ ถึงหมอบุญจะยอมจำนน … มโนต่อไปไม่ไหวปิดดีลวัคซีนทิพย์ไปแล้วก็จริง แต่วิบากกรรมจากพฤติกรรมของตัวเองที่ไปมีผลต่อการ “ขึ้น-ลง” ของราคาหุ้นบริษัทนั้น กำลังเริ่มต้น ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า บทสรุปจะเป็นอย่างไร
ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้น ก่อนที่สังคมจะได้คำตอบจาก ก.ล.ต.ก็ขอฝากคำถามไปยัง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ถามว่า “หมอบุญ” ยังเหมาะสมที่นั่งเป็น คณะทำงานทำหน้าที่สำคัญจัดหาวัคซีน ของรัฐบาลอยู่อีกหรือ ?
** จากคุณนายผู้ว่าฯ สู่เจ้าแม่โซลาร์ฟาร์ม หมื่นล้าน “วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ” คู่ชีวิต “ปลัดเก่ง” ปลัดมหาดไทยคนใหม่
พลันที่ ครม.มีมติแต่งตั้ง “อธิบดีเก่ง” สุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย แทน “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่จะเกษียณอายุราชการลงในเดือน ต.ค.นี้ แน่นอนว่า สปอตไลต์ นอกจากจะฉายไปที่ “ปลัดเก่ง” แล้ว ยังจับไปที่คู่สมรส ที่จะมาเป็นเบอร์ 1 ของแม่บ้านมหาดไทยด้วย …
“วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ” ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์, ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซี จำกัด (มหาชน) นักธุรกิจด้านพลังงาน... เจ้าแม่โซลาร์ฟาร์ม...เศรษฐีหมื่นล้าน ที่เคยติดอันดับ 1 ใน 50 มหาเศรษฐีไทย จากการจัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes เมื่อปี 2556 เป็น “ผู้หญิงเก่ง” ที่ยูเอ็น ยกย่องให้เป็นสตรีที่ประสบความสำเร็จ ในฐานะผู้สร้างพลังงานสะอาด ที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีแก่มนุษยชาติ...
“วันดี” เรียนจบจากกรุงเทพการบัญชี แต่ไม่เคยทำบัญชีเป็นอาชีพ เพราะมองว่าเป็นงานที่ไม่มีอะไรท้าทาย จึงไปเรียนต่อกฎหมาย และผันตัวมาทำงานขายแผงโซลาร์เซลล์ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำหรับพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
ช่วงปี 2548 ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ และหันไปปลุกปั้นทำธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานสะอาด “พลังงานสีเขียว” ตามความฝัน และความเชื่อมั่นใน “พลังแสงอาทิตย์”
จากเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว เรื่องการจะลงทุนด้านพลังงานสะอาด พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นเรื่องที่ถือว่า “ฝันไกล” เรียกว่า นำโปรเจกต์ไปเสนอขอกู้เงินแบงก์ ไม่มีแบงก์ไหนปล่อยกู้ให้ เพราะมองไม่เห็นอนาคต
แต่ “วันดี” ก็ไม่ย่อท้อหันไปหาเทคโนโลยี และผู้ร่วมทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น เพื่อสานฝันให้เป็นจริง
ถึงวันนี้ “วันดี” เป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ชื่อย่อ SPCG เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Holding Company กล่าวคือ SPCG เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ในเครือรวม 42 บริษัท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ SPCG มีทุนจดทะเบียนทั้งหมดจำนวน 1,153,189,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 1,055,790,000 บาท
“วันดี” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของบริษัท สัดส่วน 28.32% (ข้อมูล ณ วันที่ 17 มี.ค. 64) โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือในมือ ล่าสุด ณ 2 ส.ค. 64 กว่า 5,350 ล้านบาท
โดยธุรกิจของกลุ่ม SPCG ประกอบด้วย
1. โซลาร์ฟาร์ม 36 แห่งๆ ละ 5-6 MW กำลังผลิตรวม 205.9 MW มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 5 ปี (ต่ออายุอัตโนมัติครั้งละ 5 ปี) โดย SPCG ถือหุ้นในโครงการ 56%-100%
2. จัดตั้งบริษัท เซท เอนเนอร์ยี่ จำกัด (SET Energy) เพื่อทำธุรกิจโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ 500 MW (เป็นอย่างต่ำ) ในเขตพื้นที่ EEC โดยโครงการนี้เป็นโครงการของ EEC ที่มอบสิทธิให้ PEA เป็นผู้พัฒนาโครงการ ซึ่ง PEA มอบสิทธิต่อให้ PEA ENCOM และ PEA ENCOM ได้จ้างให้บริษัท SET Energy รับงาน โดยบริษัท SET Energy ถือหุ้นโดย SPCG 80% และ PEA ENCOM 20% บริษัท PEA ENCOM ถือหุ้นโดย PEA 100%
3. จัดตั้ง บริษัท Solar Power Roof (SPCG ถือหุ้น 100%) เพื่อทำธุรกิจติดตั้งโซลาร์ บนหลังคาอาคาร รวมถึงหน่วยราชการ โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ
ผลประกอบการย้อนหลังของบริษัทในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีผลกำไรไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท โดยสิ้นปี 63 มีกำไรสุทธิ 2,732 ล้านบาท และในไตรมาส 1 ของปี 64 มีกำไรสุทธิ 700 ล้านบาท
และในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เมื่อปีที่ผ่านมานั้น “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 10,225,498,325 บาท ไม่มีหนี้สิน เป็นทรัพย์สินของ “สุทธิพงษ์” จำนวน 15,724,125 บาท ของคู่สมรส 10,209,774,199บาท ...นี่ยังไม่รวมทรัพย์สินอื่นๆ จำพวกที่ดิน อาคาร เครื่องประดับ
นั่นเป็นความสำเร็จในบทบาทนักธุรกิจด้านพลังงานของ “วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ” ซึ่งเคยติดอันดับมหาเศรษฐีไทย ร่ำรวยอันดับที่ 49 เมื่อปี 2556 ด้วยทรัพย์สิน 9.36 พันล้าน ซึ่งเธอบอกว่า ที่ติดอันดับ เพราะเขานับจากหุ้นที่ถือ ราคาหุ้น ซึ่งบางเรื่องก็ไม่ได้สะท้อนสิ่งที่เป็นจริง เพราะในชีวิตของเรายังมีสินทรัพย์อื่นๆ มากมาย แต่เขาจะดูจากมูลค่าหุ้นอย่างเดียว ซึ่งมันมีปัจจัยเปลี่ยนแปลงได้หลายอย่าง แต่หน้าที่ของเรา คือ ทำความรับผิดชอบของเราให้ดีที่สุด เราเริ่มธุรกิจนี้ไม่ได้เริ่มจากเงิน ไม่เคยคิดว่าถ้าประสบความสำเร็จจากโครงการที่ 1 เราจะต้องได้เงินเท่าไหร่ ไม่คิดเลย คิดแต่ว่าเราจะทำเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย !!
ในบทบาท “คุณนายผู้ว่าฯ” ต้องปฏิบัติภารกิจสนับสนุนกลุ่มแม่บ้าน, ช่วยเหลือผู้ประสบภัย, ผู้ด้อยโอกาสแล้ว เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของภาครัฐ และเอกชน ที่จัดขึ้นในวาระพิเศษในแต่ละจังหวัดที่สามีดูแล และเมื่อมาเป็นประธานสภาสตรีฯ ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในวงสังคมมากขึ้น แต่เธอก็ชอบใช้ชีวิตเรียบๆ ใช้ผ้าไทย ไม่นิยมเครื่องประดับวูบวาบ เธอบอกว่า บ้านเรา ก็มีผู้ใหญ่อีกหลายท่านที่ทำตัว Low Profile ก็ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน เพราะการมีชีวิตที่ง่ายขึ้น จะมีเวลาคิด วางแผน ทำงานเป็นอิสระ เพราะไม่มีใครสนใจเรามาก
หลายคนอาจมองว่า การที่ “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” ขึ้นสูงจุดสูงสุดในชีวิตราชการ เพราะมี “ วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ” เป็นดัง “ลมใต้ปีก” ขณะเดียวกัน เมื่อสามีขึ้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่มีหน่วยงานการไฟฟ้าฯอยู่ในกำกับดูแล ก็จะเป็นลมใต้ปีก ให้ SPCG ก้าวหน้า เติบโตยิ่งๆ ขึ้นไป ซึ่งก็แล้วแต่มุมมอง ของแต่ละฝ่ายว่าอยู่บนพื้นฐานอะไร
แต่อย่างน้อยก็ต้องชื่นชมว่า...ความฝันและความมุ่งมั่นของ “วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ” ที่ต้องการนำ “พลังแสงอาทิตย์” มาใช้ประโยชน์ เป็นพลังงานสะอาด เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยและชาวโลกนั้น เป็นสิ่งที่ควรแก่การยกย่องอย่างยิ่ง