ส.ส.พปชร. ยัน กมธ.แก้ รธน. เดินหน้าทำเนื้อหาตามข้อบังคับรัฐสภาข้อที่ 124 ปรับแก้ตามคำแปรญัตติ ส่วนใครเห็นแย้งให้ยื่นรัฐสภาชี้ขาด โดยต้องได้รับเสียงกึ่งหนึ่งจากที่ประชุม
วันนี้ (4 ส.ค.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) แก้ไขเพิ่มเเติม มาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง รัฐสภาเปิดเผยภายหลังการประชุมนัดที่สอง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้พิจารณาเนื้อหาและกรอบการทำงาน ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการทำงานภายใต้ข้อบังคับรัฐสภา ข้อที่ 124 ที่กำหนดให้กรรมาธิการพิจารณาเนื้อหาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่เสนอเป็นคำแปรญัตติ ซึ่งในวรรคท้าย มีข้อกำหนดในรายละเอียด คือ 1. การแปรญัตติเพิ่มมาตราใหม่ หรือตัดทอน หรือแก้ไขมาตราเดิม ที่ไม่ขัดหลักการ สามารถทำได้ และ 2. การแปรญัตติอาจจะขัดกับหลักการได้ เว้นแต่เป็นมาตราที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งตนได้ยกตัวอย่าง เช่น การกำหนดบทเฉพาะกาล เป็นต้น
นายไพบูลย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ กมธ.ซีกพรรคก้าวไกล มีความเห็นแย้ง ว่า ตามข้อบังคับข้อที่ 151 ไม่ได้ให้สิทธิ กมธ. เป็นผู้วินิจฉัย หาก กมธ.ที่ติดใจ สามารถยื่นต่อประธานรัฐสภาเป็นญัตติเพื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาตัดสิน ทั้งนี้ จะต้องได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่งจากที่ประชุม
“ผมเข้าใจว่า มี กมธ.ที่ติดใจ แต่ในข้อบังคับรัฐสภากำหนดรายละเอียดไว้ หากยังติดใจ สามารถสงวนความเห็นหรือยื่นเรื่องให้รัฐสภาพิจารณาก่อนที่จะเข้าสู่การพิจารณาวาระสองได้ ทั้งนี้ การพิจารณาส่วนของคำแปรญัตตินั้น กมธ. ได้นัดประชุมวันที่ 10 ส.ค.โดยขณะนี้ให้ฝ่ายเลขานุการไปพิจารณาสรุปประเด็น แทนการตั้งคณะทำงาน หลังจากที่รับฟังคำทักท้วงว่าไม่จำเป็น” นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับคำแปรญัตติที่เสนอมานั้น แบ่งได้เป็น คำแปรญัตติที่เสนอแก้ไข 1-2 มาตรา มีทั้งสิ้น 14 ฉบับ, เสนอแก้ 3- 5 มาตรา มี 4 ฉบับ และ เสนอแก้ไข 6-9 มาตรา มีทั้งสิ้น 30 ฉบับ ดังนั้น ในการประชุมนัดหน้าจะเดินหน้าพิจารณาตามข้อบังคับข้อ 124 ซึ่งในชั้นพิจารณาไม่ได้ตัดสิทธิ์ผู้ที่เป็น กมธ. จะแสดงความเห็นต่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐสภารับหลักการ