xs
xsm
sm
md
lg

“อนุดิษฐ์” ปูด “ผู้แทน ทอ.” อ้างรื้อ 3 โครงการใหญ่ งบเฉียด 3 พันล้าน ตามคำสั่ง “ผบ.ทอ.” เชิญ “บิ๊กนัต” ร่วมพิสูจน์ความจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ
“อนุดิษฐ์” เผย “ผู้แทน ทอ.” สารภาพแก้ TOR จัดซื้อ 3 โครงการ 3 พันล้าน ตามคำสั่ง “ผบ.ทอ.” จ่อเชิญ “บิ๊กนัต” อดีต ผบ.ทอ.ให้ข้อมูล หลังถูกพาดพิง ระบุอ้างของเดิมขัด กม. เดือดร้อนถึง “ประยุทธ์” ในฐานะนายกฯ และ รมว.กลาโหม ด้วย เชื่อทำโดยพลการ-เกินอำนาจ ส่อผิด กม.ไม่ต่ำ 5 ฉบับ ลั่นกัดไม่ปล่อยแน่

วันนี้ (1 ส.ค. 64) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศ (ทอ.) 3 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบป้องการทางอากาศ ระยะที่ 7 (N-SOC C2), โครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ (GBAD) และโครงการจัดหาทดแทนวิทยุพื้นดิน-อากาศ มูลค่ารวมเกือบ 3 พันล้านบาทว่า กมธ.ป.ป.ช.ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องจาก ทอ.มาชี้แจงแล้ว 2 ครั้ง และยังอยู่ระหว่างการเชิญผู้แทนจาก ทอ.ที่เกี่ยวข้องมาแถลงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอีก โดยในเบื้องต้น ผู้แทนจาก ทอ.ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการปรับปรุงขอบเขตความต้องการของโครงการ (SOPR) และขอบเขตของงานหรือรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของพัสดุที่จะซื้อหรืองานที่จะจ้าง (TOR) ทั้ง 3 ท่าน ยอมรับว่า มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของ SOPR และ TOR จริง และการดำเนินการดังกล่าวก็ได้รับการยืนยันจากฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาว่าสามารถกระทำได้ เพราะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และสาระสำคัญแต่ประการใด

“ผู้ชี้แจงจาก ทอ.ทั้ง 3 ราย ยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำไปตามสั่งการของผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) มิได้กระทำขึ้นโดยพลการแต่อย่างใด” น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุ

พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อว่า โดยเจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารอากาศที่รับผิดชอบเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างยืนยันว่าได้สอบถามไปยังกรมบัญชีกลางแล้วว่า สามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดตามที่ ผบ.ทอ.ต้องการได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อ กมธ.ป.ป.ช.ขอดูหนังสือราชการที่ ทอ.หารือไปยังกรมบัญชีกลาง เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารอากาศตอบแต่เพียงว่า ไม่ได้มีการทำหนังสือสอบถามไปเป็นทางการ เป็นแต่เพียงการยกหูโทรศัพท์ไปขอคำปรึกษาเท่านั้น ดังนั้น ประเด็นนี้จึงทำให้ กมธ.ป.ป.ช.ยังไม่สามารถเชื่อได้ว่า การดำเนินการเปลี่ยนแปลง SOPR และ TOR ตามสั่งการของ ผบ.ทอ.นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะยังไม่มีความเห็นของหน่วยงานรับผิดชอบอย่างเป็นทางการ อีกทั้ง ทอ.ยังไม่มีหนังสือยืนยันจากสำนักงบประมาณซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมาธิการงบประมาณปี 64 และคณะอนุกรรมาธิการงบประมาณปี 64 (ครุภัณฑ์) ระบุว่า ทอ.สามารถเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และสาระสำคัญของโครงการได้ ซึ่ง กมธ.ป.ช.ต้องเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ มาตอบข้อซักถามและแถลงข้อเท็จจริงในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ผู้แทนจาก ทอ.ชี้แจงว่า การที่ ผบ.ทอ.ท่านปัจจุบันสั่งการให้มีการเปลี่ยนแปลง SOPR และ TOR ของ 3 โครงการดังกล่าว เป็นเพราะของเดิมที่ทำไว้ในสมัยอดีต ผบ.ทอ.ท่านที่แล้ว เป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) และอาจขัดต่อกฎหมาย จึงจำเป็นต้องแก้ไขนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า เมื่อผู้แทน ทอ.ชี้แจงมาเช่นนี้ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเท่ากับยอมรับว่ามีผู้ที่ดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎหมาย แต่จะเป็นของเดิมหรือของใหม่นั้น ก็คงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดย กมธ.ป.ป.ช.ได้มีมติเชิญ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ อดีต ผบ.ทอ. เข้าชี้แจงในประเด็นที่ถูกพาดพิงทั้งหมดต่อไป

“สิ่งที่ผู้แทน ทอ.ชี้แจงว่าโครงการทั้ง 3 โครงการซึ่งระบุวัตถุประสงค์และสาระสำคัญของโครงการที่ผ่านรัฐสภาจนออกเป็นกฎหมายเรียบร้อยนั้นขัดต่อกฎหมายเสียเอง ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะไม่ได้เป็นการกล่าวหาเฉพาะกระบวนการภายในของ ทอ. และข้าราชการระดับสูงของ ทอ.เท่านั้น แต่เป็นการกล่าวหาผู้ที่อยู่ในกระบวนการออกกฎหมายทั้งหมดว่ามีส่วนร่วมในการกระทำที่อาจขัดต่อกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงกลาโหม สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง คณะอนุกรรมาธิการงบประมาณปี 64 (ครุภัณฑ์) คณะกรรมาธิการงบประมาณปี 64 สภาผู้แทนราษฎร รัฐสภา รวมทั้งนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รวมไปถึงคณะรัฐมนตรีที่เป็นผู้เสนอกฎหมายด้วย” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวยืนยันว่า เรื่องนี้ กมธ.ป.ป.ช.จะตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป เนื่องจากสิ่งที่ ทอ.ชี้แจงมานั้นอ้างถึงนั้น เป็นเพียงการอ้างถึง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ เท่านั้น แต่กระบวนการออกกฎหมายยังมี พ.ร.บ.อีกหลายฉบับที่ใช้บังคับหน่วยงานต่างๆ ให้ต้องปฏิบัติตาม เช่นโครงการ 3 โครงการของ ทอ.นั้น ต้องคำนึงถึง พ.ร.บ.ไม่ต่ำกว่า 5 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.เทคโนโลยีป้องกันประเทศ พ.ศ. 2562, พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2561, พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551, พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 และ พ.ร.บ. การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560 ซึ่งการแก้ไข SOPR และ TOR ของ ทอ.ในครั้งนี้ อาจเป็นการกระทำโดยพลการ เป็นการปฏิบัติที่เกินกว่าอำนาจ และอาจขัดกับ พ.ร.บ.ฉบับอื่นๆ ที่ใช้บังคับหน่วยงานต่างๆ ให้ปฏิบัติตามก็เป็นไปได้เช่นกัน ยังไม่รวมถึงสิ่งที่ผู้แทน ทอ.ชี้แจงยังไม่ส่งเสริม หรือสนับสนุนทิศทางทางการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศตามที่รัฐบาลเองเป็นผู้กำหนด ซึ่ง กมธ.ป.ป.ช.จะรีบตรวจสอบ และทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็วที่สุด เนื่องจากโครงการดังกล่าวต้องใช้งบประมาณหลายพันล้านบาทในการจัดหา จึงต้องทำให้ถูกกฎหมายและเป็นประโยชน์กับ ทอ.และประเทศชาติมากที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น