xs
xsm
sm
md
lg

ปลัด มท.ไม่เกี่ยวข้อง “สายส่ง 125 ล้าน” ปัตตานี ผู้ว่าฯ กฟภ.แจงเอกชนรับงานได้ เหตุยังไม่ประกาศเป็นผู้ทิ้งงาน ปัดเอื้อประโยชน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
แหล่งข่าว มท.เผย“ฉัตรชัย พรหมเลิศ” ไม่เกี่ยวข้องโครงการสายส่งไฟฟ้า 125 ล้าน ปัตตานี ที่ถูกกล่าวหาเอื้อประโยชน์ผู้รับเหมา ชี้เป็นเรื่องเก่าตั้งแต่ปี 58 และอยู่ในอำนาจผู้ว่าฯ กฟภ.ไม่ใช่บอร์ด ด้านผู้ว่าฯ กฟภ.แจง เลิกสัญญากับบริษัทจริง เพราะทำงานล่าช้า แต่เกิดจากเหตุน้ำท่วม-ความไม่สงบ ไม่เจตนาทำให้ กฟภ.เสียหาย และกระทรวงคลังยังไม่ประกาศเป็นผู้ทิ้งงาน บริษัทฯ จึงรับงานโครงการอื่นของ กฟภ.ได้

จากรกรณีที่ วันนี้ (9 ก.ค.64) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)และคณะ โดยกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ให้บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี จ.ปัตตานี มูลค่า 125 ล้านบาท ที่ทำงานไม่แล้วเสร็จ ทิ้งงาน แต่ไม่ถูกลงโทษ แต่กลับมารับงานใหม่ของ กฟภ.ได้อีก อันขัดต่อ มาตรา 109(2) พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พ.ศ.2560 นั้น

แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า นายฉัตรชัยไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เนื่องจากเป็นโครงการเก่าตั้งแต่ปี 2558 เป็นวงเงินในอำนาจ ผู้ว่าฯ กฟภ.และเป็นเรื่องที่ กฟภ บอกเลิกสัญญา แต่การแจ้งละทิ้งงานเป็นอำนาจกระทรวงการคลังซึ่งมีคณะกรรมการพิจารณา ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งเป็นผู้ทิ้งงาน บริษัทจึงยังสามารถเข้าแข่งขันราคาและเป็นคู่สัญญาได้ เรื่องนี้เป็นอำนาจ ผู้ว่า กฟภ.ไม่ใช่อำนาจบอร์ด และการพิจารณายังไม่เป็นที่ยุติ

ด้านนายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชา ชี้แจงว่า ตามที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ให้ข่าวเรื่อง กรณี กฟภ.เอื้อประโยชน์แก่ผู้รับเหมานั้น ขอสรุปความเป็นมา ดังนี้

1. กฟภ.ได้ว่าจ้าง บริษัท บูรพาฯ เป็นผู้ก่อสร้างงานก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี ช่วงสถานีไฟฟ้าปัตตานี 2 – สถานีไฟฟ้าสายบุรีจ.ปัตตานีระยะทาง 50 กม.วงเงิน 125 ล้านบาท (ไม่รวม vat) ตามสัญญาจ้างเลขที่ จ.ป.218/2558 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 ระยะเวลาสัญญา 720 วันครบกาหนดสัญญาวันที่ 15 ก.พ. 2561 ต่อมาได้ มีการขยายเวลาสัญญา ตามมติ ครม. ช่วยเหลือจากเหตุอุทกภัยในภาคใต้ จานวน 120 วัน ให้ครบกาหนดสัญญาในวันที่ 15 มิ.ย.2561

2. กฟภ.ได้ยกเลิกสัญญาผู้รับจ้างเนื่องจากเห็นว่าผู้รับจ้างไม่สามารถดาเนินการให้แล้วเสร็จตามสัญญาจ้าง โดยความล่าช้าเกิดจากบริษัทฯ ไม่สามารถทำงานตามแผนงานที่กาหนดไว้ แม้ว่าจะได้รับการขยายระยะเวลาเพิ่มอีกจานวน 120 วัน แล้วก็ตาม

3. ภายหลังจากบอกเลิกสัญญา กฟภ.ได้มีหนังสือที่ มท 2306.20/25803 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2562 ถึงปลัดกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาบริษัทฯ ว่ากระทำการอันมีลักษณะเป็นการทิ้งงานตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการ บริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 109 (2) ไม่ปฏิบัติตามสัญญา/ข้อตกลงหรือไม่

4. กรมบัญชีกลางส่งเรื่องคืน เพื่อให้ กฟภ.มีหนังสือเปิดโอกาสให้บริษัทฯ ชี้แจง เหตุผลข้อเท็จจริงก่อนและเมื่อชี้แจงกลับมาแล้ว ขอให้ กฟภ.พิจารณาข้อชี้แจงดังกล่าวว่าสามารถ รับฟังได้หรือไม่ หากไม่สามารถรับฟังได้ และเห็นควรพิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงาน ให้รวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน ก่อนจัดส่งให้กรมบัญชีกลางเพื่อพิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงาน ตามหนังสือเลขที่ กค 0405.7/28672 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2562

5. กฟภ.มีหนังสือแจ้งบริษัทฯ ให้ชี้แจงเหตุผล ซึ่งสรุปสาระสาคัญได้ ดังนี้ การส่งมอบพื้นที่ล่าช้ากว่าแผน, พื้นที่ก่อสร้างซับซ้อนและยากในการเข้าถึงพื้นที่มากกว่าโครงการอื่นๆ , มีเหตุการณ์ความไม่สงบมาโดยตลอด, ประสบอุทกภัยเป็นเวลานาน แต่ได้รับการขยายเวลาเพียง 120 วัน , มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้างเพื่อลดผลกระทบกับประชาชน (ร้องเรียน) หลังจากถูกบอกเลิกสัญญาจ้าง และหลังจากที่ถูกบอกยกเลิกสัญญานี้แล้ว บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นทางานกับ กฟภ.ในสัญญาอื่นๆ อีก 5 สัญญาจนแล้วเสร็จ มิได้จงใจทำให้ กฟภ.เกิดความเสียหาย และบริษัทฯ ชำระค่าปรับบางส่วนให้ กฟภ.เป็นเงิน 6 ล้านบาท เป็นหลักประกัน

6. กฟภ.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าบริษัทฯ ไม่มีเจตนาและพฤติกรรมที่จะเป็นผู้ทิ้งงานหรือจงใจทำให้ กฟภ.เกิดความเสียหายโดยตรง และมิได้ปฏิเสธความรับผิดและยินยอมชาระค่าปรับให้แก่ กฟภ.ตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไขสัญญาจ้างแล้ว จึงไม่ลงโทษ บริษัทฯ เป็นผู้ทิ้งงาน ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 109 วรรคหนึ่ง (2)

7. กฟภ.ได้มีหนังสือ ที่ มท 5305.5/13418 ลงวันที่ 26 มีนาคม 2564 ถึงกรมบัญชีกลาง ขอให้พิจารณาว่ากรณีนี้ เข้าข่ายผู้ทิ้งงานหรือไม่โดยกรมบัญชีกลางพิจารณาแล้วเป็นดุลพินิจของ กฟภ.ในการพิจารณาว่าบริษัทฯ กระทาการอันมีลักษณะเป็นการทิ้งงานตามความในมาตรา 109 หรือไม่ เมื่อได้ผลการพิจารณาแล้วก็ให้เสนอความไปยังปลัดกระทรวงการคลัง หากปลัดกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่าบริษัทฯ สมควรเป็นผู้ทิ้งงาน ก็ดำเนินการออกคำสั่งให้บริษัทฯ ต่อไปพร้อมทั้งแจ้งเวียนชื่อผู้ทิ้งงานให้หน่วยงานของรัฐต่างๆทราบ แต่หากปลัดกระทรวงการคลังเห็นว่าบริษัทฯไม่สมควรเป็นผู้ทิ้งงานจะแจ้งผลการพิจารณาไปให้ กฟภ.ทราบต่อไป ตามหนังสือ เลขที่ กค (กวจ) 0405.7/26252 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2564

ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดส่งผลการพิจารณาของ กฟภ.พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ปลัดกระทรวงการคลังพิจารณา

ดังนั้นโดยสรุปเมื่อยังไม่มีการประกาศเป็นผู้ทิ้งงาน บริษัทฯ จึงยังสามารถรับงานได้


กำลังโหลดความคิดเห็น