ศาล ปค.กลางยกคำฟ้อง “ชนม์สวัสดิ์” ฟ้องนายก อบจ.สมุทรปราการ ปมถูกสั่งชดใช้ค่าเสียหาย 9 แสน อนุมัติจ่ายเงินในโครงการพัฒนานักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ขณะเป็นนายก อบจ. ชี้ ไม่ใช่อำนาจแต่กลับอนุมัติจ่ายโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้เสียหายชดใช้เหมาะแล้ว
วันนี้ (30 ก.ค.) ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้องในคดีที่ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายก อบจ. สมุทรปราการ ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งนายก อบจ. สมุทรปราการ ที่ให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีอนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุนตามโครงการพัฒนากีฬาเยาวชน ประชาชน และนักกีฬาไปสู่ความเป็นอาชีพ จังหวัดสมุทรปราการ โดยศาลฯ เห็นว่า การที่อบจ.สมุทรปราการ ได้เบิกจ่ายเงินงบประมาณเพื่ออุดหนุนศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดสมุทรปราการ ตามโครงการพัฒนากีฬาเยาวชน ประชาชน และนักกีฬาไปสู่ความเป็นอาชีพ จำนวน 18,462,000 บาท เมื่อปี พ.ศ. 2555 โดยเป็นการจ่ายให้แก่ทีมสโมสรฟุตบอล จ.สมุทรปราการ เอฟซี และทีมสโมสรฟุตบอลสมุทรปราการ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นองค์กรเอกชน และเป็นการจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในส่วนที่เป็นเบี้ยเลี้ยงการฝึกซ้อมของนักกีฬา ผู้ฝึกสอนและเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ทีมสโมสรฟุตบอลทั้งสองทีมเท่านั้น จึงไม่ได้เป็นการดำเนินงานที่มีลักษณะเป็นการจัดทำบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเองเป็นส่วนรวม จึงไม่ใช่โครงการหรือกิจกรรมที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ อบจ.สมุทรปราการ อันจะตั้งงบประมาณอุดหนุนได้ การจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ทีมสโมสรฟุตบอลตามโครงการดังกล่าว จึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ อบจ.สมุทรปราการ ที่จะอนุมัติเงินอุดหนุนตามบทบัญญัติของกฎหมายและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด
ซึ่งขณะเกิดเหตุพิพาทนายชนม์สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สมุทรปราการ ได้อนุมัติให้เบิกจ่ายได้ตามที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอความเห็นโดยไม่มีการทักท้วง หรือชะลอการเบิกจ่ายเพื่อทบทวนกรณีดังกล่าวแต่ประการใด จึงเห็นได้ว่า นายชนม์สวัสดิ์ไม่ได้ตรวจสอบ และกลั่นกรองงานตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด และไม่ใช้ความระมัดระวังที่ควรต้องกระทำในฐานะนายกองค์การฯ ในการตรวจสอบว่าโครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่ พฤติการณ์จึงถือได้ว่า เป็นการกระทำด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ อบจ.สมุทรปราการ ได้รับความเสียหาย การที่นายก อบจ.สมุทรปราการ มีคำสั่งให้ นายชนม์สวัสดิ์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ 5 ของความเสียหาย เป็นเงินจำนวน 923,100 บาท จึงเป็นการกำหนดสัดส่วนความรับผิดที่เหมาะสมแล้ว