“นพ ชีวานันท์” รองเลขาฯ เพื่อไทย ชำแหละมาตรการ “บิ๊กตู่” ล้มเหลว คนติดเชื้อพุ่ง คนตายเพียบ ชี้ ล็อกดาวน์นาน ทำ ศก.พินาศ ซัดปัญหามาจากบริหารวัคซีนเละเทะ แนะนายกฯลดอีโก้ ฟัง “พี่โทนี่” เร่งติดต่อยืมวัคซีนผู้นำ ตปท.
วันนี้ (27 ก.ค. 64) นายนพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา รองเลขาธิการ และคณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ของรัฐบาล ว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งล็อกดาวน์ 10 จังหวัด และเพิ่มเป็น 13 จังหวัด รวมถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วย ได้สร้างความลำบากทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนอย่างมาก แต่ปัญหาคือ หลังจากล็อกดาวน์แล้ว ปัญหาการระบาดกลับไม่ได้ลดลง แถมยังมีเพิ่มขึ้น โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากวันละ 8 พันกว่า มาอยู่ที่วันละประมาณ 15,000 คน และเสียชีวิตวันละประมาณ 100 คนอย่างต่อเนื่อง
“แสดงถึงความล้มเหลวในการดำเนินการ ซึ่งหากทิศทางเป็นเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะปลดล็อกดาวน์เมื่อใด เพราะจะปลดได้ก็ต่อเมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงมาก ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นหลายเดือน แล้วเศรษฐกิจจะพังทลายเสียหายขนาดไหน” นายนพ กล่าว
ทั้งนี้ หากรัฐบาลยังไม่มีระบบคัดแยกผู้ติดเชื้อที่ดี และยังไม่มีวัคซีนคุณภาพในจำนวนมากๆ เข้ามาเร่งฉีดให้กับประชาชน การติดเชื้อก็จะลดลงได้ยาก และเป็นเรื่องที่ดีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เริ่มให้ค่ายทหารเปิดเป็นโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อตามคำแนะนำของคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และ พี่โทนี่ (นายทักษิณ ชินวัตร) เพราะจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกมาก จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ เร่งคัดแยกผู้ติดเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็ว
ปัญหาเรื่องวัคซีนคุณภาพยังเป็นปัญหาใหญ่ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอให้ระงับการส่งออกวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยต้องส่งมาให้ไทยเดือนละ 10 ล้านโดส ตามสัญญาก่อนที่เหลือจึงส่งออกได้ แต่ปรากฏว่า ความแตก บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าทำจดหมายชี้แจงว่า ไทยขอจองเพียงเดือนละ 3 ล้านโดส และ บริษัทเพิ่มให้เป็นเดือนละ 6 ล้านโดสแล้ว โดย รมว.สาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ขอเป็น 10 ล้านโดส ในภายหลัง ซึ่งทำไม่ได้แล้ว นี่เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงถึงปัญหาการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลที่ล้มเหลวแต่แรกอย่างให้อภัยไม่ได้ แม้ต่อมาจะส่งผู้อำนวยการวัคซีนออกมาสารภาพผิด เพราะจำนนต่อหลักฐาน ยอมเป็นแพะรับบาปแทน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ และ นายอนุทิน ก็ไม่สามารถรับผิดแทนได้ ทั้งนี้ เพราะจะปล่อยให้คนระดับผู้อำนวยการทำประเทศล่มสลายเละเทะขนาดนี้ได้อย่างไร อีกทั้งจากการสัมภาษณ์ในอดีต ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ นายอนุทิน พิสูจน์ได้ว่าน่าจะรับรู้และสั่งการเองมาตลอด
ผลกระทบจากการล็อกดาวน์ และอาจจะต้องล็อกดาวน์ไปอีกนาน จะทำให้เศรษฐกิจที่ทรุดหนักอยู่แล้ว ต้องถึงกับพังย่อยยับ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของปีนี้มีโอกาสที่จะติดลบสูง ซ้ำเติมจากปีที่แล้วที่ติดลบแล้ว 6.1% เศรษฐกิจใน จ.พระนครศรีอยุธยา ก็คงหนี้ไม่พ้น ประชาชนจะตกงานและลำบากกันอีกมาก
ทั้งนี้ การล็อกดาวน์ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ก็เช่นกัน ตัวเลขผู้ป่วยยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณที่มีเขตอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เพราะมาตรการทางสาธารณสุขในโรงงานยังไม่ดีเพียงพอ ทำให้พนักงานที่ติดเชื้อไวรัสมาจากโรงงานแล้วได้นำเชื้อไปแพร่ให้กับครอบครัว และชุมชนที่อาศัยอยู่ ทำให้มีการเรียกร้องจากชาวบ้านในพื้นที่ ให้มีการปิดโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อระงับการแพร่กระจายของไวรัส
ซึ่งหากมีการปิดโรงงานอุตสาหกรรม จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของไทยในภาพรวม เพราะการส่งออกของไทยกำลังมีทิศทางที่ดี และเป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจเดียวที่ยังทำเงินเข้าประเทศ โดยการส่งออกขยายตัวกว่า 40% มา 2 เดือนติดกันแล้ว ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องมีวางระบบคัดแยกผู้ติดเชื้อที่ดี โดยปัจจุบันมีการเสนอให้ใช้วิธีการ Bubble & Seal โดยให้กักพนักงานที่ติดเชื้อไว้ในโรงงาน มีระบบเหมือนกับในโรงพยาบาลสนาม โดยทำกันในโรงงาน เพราะคนติดเชื้อส่วนใหญ่กลุ่มนี้จะไม่มีอาการป่วย ใครที่สมัครใจกลับไปอยู่บ้านก็ใช้ระบบโฮมไอโซเลชั่น หรือกักตัวเองที่บ้าน ก็จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาด และโรงงานก็ยังสามารถดำเนินงานต่อได้ไม่ต้องปิด
สำหรับเรื่องวัคซีน อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฟังคำแนะนำของพี่โทนี่ (นายทักษิณ ชินวัตร) และเร่งติดต่อขอยืมวัคซีนจากประเทศมหาอำนาจที่เขาจะต้องมีการเก็บสำรองไว้อยู่แล้ว เพื่อนำมาเร่งฉีดให้ประชาชนก่อน และเมื่อสามารถสั่งบริษัทวัคซีนผลิตได้แล้วจึงนำไปคืน ซึ่งหากมีสายสัมพันธ์ที่ดีย่อมสามารถทำได้ ถ้าหากทำไม่ได้หรือทำไม่เป็น ก็สามารถร้องขอให้พี่โทนี่ช่วยเจรจาให้ โดยมอบอำนาจให้เจรจาแทนอย่างเป็นทางการ
“ในภาวะวิกฤตไวรัสโควิดครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสำนึกตัวได้แล้วว่าได้ทำผิดพลาดหลายเรื่อง ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องหาทางแก้ไขในทุกทางที่เป็นไปได้ อย่ายึดติดอีโก้ของตัวเอง ต้องเอาประชาชนให้รอดก่อน เพราะหากคนเจ็บคนตายยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด ประชาชนจะทนกันไม่ไหว และอาจจะต้องเร่งออกมาขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะผู้นำกลายเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาไปแล้ว” นายนพ ระบุ