xs
xsm
sm
md
lg

หลักฐานมัด “หนุ่มฟู้ดแพนด้า” ยังกล้าโกหก! “อดีตเพื่อนทอน” เฉลย ที่มาเผาดะ? “ไมค์” ขอ “อานนท์” บุกโรงพัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ เหตุการณ์ราดน้้ำอะไรสักอย่างติดไฟ ของ “หนุ่มฟู้ดแพนด้า” ขอบคุณภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
เปิดคลิปดูจะจะ “หนุ่มฟู้ดแพนด้า” อ้างเป็นพลเมืองดีช่วยดับไฟ ปัดเผาพระบรมฉายาลักษณ์ แต่หลักฐานมัดคามือ “อดีตเพื่อนทอน” เฉลยเหตุ “ม็อบ 3 นิ้ว 18 กรกฎา” ปฏิบัติการเผา! หลุดหรือจงใจซ่า “ไมค์” ขอคำสั่ง อานนท์บุกโรงพัก

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (20 ก.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “ยังกล้าโกหก!? เปิดคลิปดูจะจะ “หนุ่มฟู้ดแพนด้า” อ้างเป็นพลเมืองดีช่วยดับไฟ ปัดเผาพระบรมฉายาลักษณ์ งานนี้หลักฐานคามือ!!”

โดยเนื้อหาระบุว่า “จากกรณีที่มีเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวัน 18 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา และโลกโซเชียลเผยแพร่ภาพชายแต่งกายเป็นพนักงานส่งอาหารของฟู้ดแพนด้า ซึ่งพบว่าเจ้าตัวได้ใช้น้ำมันราดบนผ้าประดับพร้อมกับจุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนินนอก แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ขณะร่วมชุมนุมกับกลุ่มเยาวชนปลดแอก ต่อมาชายคนดังกล่าว ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้แล้ว ที่บ้านพักย่านรังสิต

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เดินทางมาสอบปากคำ นายสิทธิโชค เศรษฐเศวต ไรเดอร์ส่งอาหารฟู้ดแพนด้าด้วยตนเอง และเผยว่า

ผู้ต้องหาให้การภาคเสธว่าอยู่ในเหตุการณ์จริง แต่ไม่ได้ไปร่วมก่อเหตุวางเพลิงพระพระบรมฉายาลักษณ์ โดยมีเจตนาเข้าไปช่วยดับไฟ ก็ถือว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องหาในการให้การกับพนักงานสอบสวน แต่ทางตำรวจยืนยันว่า มีหลักฐานชัดเจนว่า ผู้ต้องหากระทำผิดจริง

เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ, ผิดมาตรา 112 และวางเพลิงเผาทรัพย์สิน ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาอื่นอีกหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งหากการสอบสวนแล้วเสร็จก็จะนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญารัชดาภิเษกในวันนี้ ส่วนผู้ชุมนุม 16 คน ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อเตรียมนำตัวส่งฝากขังเช่นกัน

ต่อมามีรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ สน.ห้วยขวาง สถานที่ควบคุมตัวนายสิทธิโชค ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.นางเลิ้ง พื้นที่เจ้าของคดี แฟนสาวของนายสิทธิโชคที่เดินทางมารอพบ เปิดเผยว่า เมื่อคืนขณะที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุมก็รู้สึกตกใจ เพราะไม่คิดว่าการเข้าไปช่วยดับไฟของตนจะมีความผิด

ยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุ อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด และไม่ได้ไปเข้าร่วมการชุมนุม แต่ไปส่งอาหารตามออเดอร์ให้กับผู้ร่วมชุมนุม เมื่อส่งเสร็จ ก็เห็นว่า ไฟกำลังลุกติดผ้า แฟนหนุ่มจึงหยิบน้ำไปเพื่อจะช่วยดับ และตรงจุดนั้นก็มีตำรวจจราจรอยู่ด้วย หากแฟนเผาจริง ตำรวจจราจรคนนั้นต้องเข้าจับกุมแล้ว แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ถูกจับกุมแต่อย่างใด

ในส่วนของคนที่เผาก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะตนกับแฟนไปถึงก็เห็นไฟไหม้อยู่แล้วทั้งจุดนั้น และหุ่นจำลองนายกฯที่มีการเผากัน ซึ่งในตอนถูกควบคุมตัวที่บ้าน ก็ได้พยายามอธิบายกับเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่า ตนทำความดี ทำไมต้องถูกจับกุม แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับฟังและคุมตัวแฟนหนุ่มมาพูดคุยที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ ก่อนส่งมา สน.ห้วยขวาง

แฟนสาวนายสิทธิโชค เผยอีกว่า ส่วนประเด็นในทวิตเตอร์มาทราบในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 18 กรกฎาคม โดยส่วนตัวไม่ได้เล่นทวิตเตอร์ แต่มีคนบอกจึงลองโหลดมาและไล่อ่าน ก็พบว่ามีผู้คอมเมนต์ต่อว่าแฟนหนุ่มอย่างหนัก ส่วนตัวจึงอยากขอพูดถึงทุกคนว่า หากต้องการสอบข้อเท็จจริงให้มาถามตนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ใช่แชร์กันด้วยข้อมูลที่มั่วๆ และทำร้ายคนอื่นแบบนี้

ภาพ หลักฐานมัด “หนุ่มฟู้ดแพนด้า” ขอบคุณภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ในขณะที่ ทางด้าน ปราชญ์ สามสี ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว ว่า คนไม่รู้กฎหมายก็จะอธิบายแบบคนที่ไม่รู้ การให้ข่าวของพยานฝ่ายจำเลย ในคดีเผารูปในหลวงอ้างว่า สามี ไม่ได้เผาแต่ช่วยดับไฟ… โดยอ้างว่า ตำรวจในขณะนั้นยังไม่จับเลย

เรื่องนี้เป็นการพูดที่ไม่ตรงความเป็นจริง และเป็นการพูดเพื่อยกประโยชน์ให้ตนเองเรื่องน้ำหรือน้ำมัน… หากดูแต่เพียงภาพถ่าย…เพียงอย่างเดียวนั้นแยกไม่ง่ายนัก…. แต่หากติดตาม คลิปวิดีโออย่างต่อเนื่องจะเห็นพฤติกรรมการเทของเหลวแล้วไฟลุกท่วมขึ้นในหลายแห่ง….จึงคาดเดาได้ไม่ยากว่า สิ่งที่ใช้รินลงไปไม่ใช่น้ำเปล่า …อีกทั้งพฤติกรรมมิใช่การพยายามกระตือรือร้นจะดับไฟแต่เพียงอย่างเดียว

เรื่องน้ำมันแพง….อันนี้ตลกดี ….ของเหลวในขวดดูสีสันก็เห็นว่าไม่ใช่สีน้ำมันตระกูลเบนซิน หรือน้ำมันพืช….เพราะมันใส… แต่สิ่งที่เป็นไปได้คือ แอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ ที่ใช้ล้างมือนี่แหละ..เพราะราคาถูก ซื้อหาง่าย อำพรางได้ง่าย และสามารถติดไฟดี…

ส่วนเรื่องตำรวจในสถานที่เกิดเหตุที่ถูกกล่าวอ้างว่า ไม่จับกุมนั้น เพราะไม่ได้ทำผิด…เรื่องนี้ก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน

เพราะจากคลิปจะแสดงให้เห็นแล้วว่า ตำรวจจราจร มีเจตนา ปรามว่าอย่าทำแต่แรก …ตำรวจทำหน้าที่ เข้าระงับเหตุแล้วแม้ไม่ทันก็ตาม… การที่ตำรวจจะจับกุมคนวางเพลิง ณ ที่นั้นเวลานั้น อาจจะเสี่ยงต่อชีวิตตำรวจในหน้าที่จึงเกินไป อีกทั้งตำรวจที่ระงับเหตุการณ์นั้น เป็นจราจร…การประสานข้อมูลผู้กระทำผิดและเก็บหลักฐาน เป็นเรื่องทำได้ง่ายกว่าการสุ่มเสี่ยงเข้าไปจับกุมท่ามกลางฝูงชนที่กำลังคลุ้มคลั่ง

การเก็บหลักฐานส่วนอื่น สามารถทำให้สืบนำจับกุม มือวางเพลิงในภายหลังโดยตำรวจ … ดังนั้น การที่จะอ้างว่า ขนาดตำรวจยังไม่จับ…มันค่อนข้างตลกเกินไปหน่อย เพราะที่จับกุมอยู่นี่ก็ตำรวจนั้นและครับ….

เท่าที่พูดออกมา มันก็เท่ากับให้การภาคเสธ แล้วว่าตำรวจจับไม่ผิดตัวแน่ๆ เพราะยอมรับกลายๆ ว่า ทำจริง แต่ไม่ได้เจตนา บลาๆ ก็ว่าไป แต่การปฏิเสธไม่ยอมรับผิดในชั้นสืบสวน หากหลักฐานมัดตัวจนมิดชิด เกรงว่า โทษจะโดนเต็มจำนวนนะครับ… และโทษของการวางเพลิงนะหนักมากกก

สุดท้ายนี้…ทุกอย่างในระบบกฎหมายไม่ได้ฟังแต่พยานบุคคลหรือเสียงสังคมวิพากษ์วิจารณ์

แต่จะต้องมีพยานแวดล้อมอื่นๆ อีกด้วย เพื่อสนับสนุนข้อเท็จจริง ดังนั้น ฝ่ายจำเลยจะต้องหาหลักฐานที่หนักแน่นมาหักล้างต่อข้อกล่าวหาวางเพลิง ลำพังคำว่า มันเป็นน้ำเปล่า ไม่สามารถหักล้างสิ่งใดๆ ได้ครับ

ภาพ นายพิชิต ไชยมงคล จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน นายพิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) “อดีตเพื่อนทอน” ที่เคยทำกิจกรรมนักศึกษาร่วมกัน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงการชุมนุมของกลุ่ม “ราษฎร” เมื่อ 18 ก.ค. ว่า

“รับผิดชอบมวลชน

ความคลั่งของมวลชน ที่เผาโน่น เผานี่ แสดงความก้าวร้าว ดูผิวเผิน อาจมองเป็นความผิดส่วนปัจเจก เป็นการกระทำส่วนบุคคล ของทุกการชุมนุม ถึงขนาดจุดไฟเผาในหลายครั้งที่มีการชุมนุม ผมว่าอย่ามองข้ามทิศทางการนำนะครับ

การแสดงออกของมวลชน มาจากท่าทีการนำ และการปลุกปั่นปลุกระดมของ ชุดความคิด ที่ผลิตซ้ำ ให้เกิดความเชื่อ ความกล้าที่จะทำอะไร เพื่อสนองตอบต่ออารมณ์ที่ถูกปั่นมาตลอด

อารมณ์มวลชนถูกปั่นต้องชนะ ต้องปะทะ มาตลอด เมื่อถึงเวลาชุมนุม จะให้มวลชนมานั่งสวดมนต์ก็คงไม่ใช่

ดังนั้น การที่คนโน้น คนนี้ ถูกตามจับรายตัว จึงเป็นความรับผิดชอบของการนำทั้งสิ้น ทั้งผู้นำทางความคิด ผู้นำในการชุมนุม รวมถึงเพดานการชุมนุมด้วย

อารมณ์มันถูกปั่นเรื่องปะทะมานาน ด้วยท่าทีการนำของผู้นำบางคน จนมันติดอยู่กับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ถึงแม้จะพยายามดรอปลง แต่มันค้างในระบบความเชื่อ บวกกับความคะนองของวัยด้วยแล้ว ก็ต้องยอมรับผลความคะนองด้วยตนเอง

ตอนทำดูจะเป็นฮีโร่ ของ Fc ในโซเชียล แต่เวลาถูกจับติดคุก ติดคนเดียวนะครับ ตรึกตรองให้ดี ถ้าคุณไม่เผา เขาก็ไม่จับ

พยายามดึงลงให้แล้วนะ”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ กรณีไมค์โพสต์ขอคำสั่งอานนท์บุกโรงพัก! ขณะที่ “อานนท์” ขู่เสี่ยงสงครามกลางเมือง หากจับไรเดอร์มือเผา?

เนื้อหาระบุว่า เมื่อเวลา 22.28 น. ทวิตเตอร์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทวีตข้อความระบุว่า ศูนย์ทนายฯ ได้รับแจ้งว่า นายสิทธิโชค ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบราว 10 นาย จับกุมที่บ้านพักย่านรังสิต ในข้อหา ม.112 โดยได้ถูกนำตัวไปยังถูกนำตัวไปยัง สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี เพื่อทำบันทึกจับกุม ก่อนจะถูกส่งตัวไปยัง สน.นางเลิ้ง ต่อไป

ภาพ นายอานนท์ นำภา ขอบคุณภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ด้าน นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มม็อบราษฎร ซึ่งอยู่ระหว่างการได้ประกันตัวจากศาลในคดีหมิ่นสถาบัน ตามความผิดมาตรา 112 ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีจับกุม พนักงานส่งอาหารฟู้ดแพนด้า ที่เผาพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 ว่า

“ไรเดอร์ที่ต้องหาว่าเผารูป ร.10 ถูกจับแล้วเมื่อสักครู่หลังเวลาเคอร์ฟิว ทำให้ขาดทนายความ ขณะนี้กำลังส่งตัวไปที่ สน.นางเลิ้ง”

ต่อมามีบุคคลเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยหนึ่งในนั้นก็ปรากฏว่ามีระดับแกนนำม็อบอย่าง นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง เข้ามาแสดงความเห็นโดยเป็นคำถามกับนายอานนท์ว่า

ภาณุพงศ์ จาดนอก

“ขอบุกนางเลิ้งได้ไหมครับ”

นอกจากนี้ นายอานนท์ ยังได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว อีกโพสต์หนึ่งว่า

“กรณีนี้ถ้าคิดจะเชือดไก่ให้ลิงดู ผลมันจะตรงกันข้ามนะครับ มันจะกลายเป็นไฟลามทุ่ง เพราะน้ำผึ้งหยดเดียว ผมเตือนด้วยความหวังดี อยากเห็นบ้านเมืองค่อยๆ เปลี่ยนแปลง ไม่อยากให้เราไปเสี่ยงตายเอาดาบหน้ากับสงครามกลางเมืองในยามวิกฤตเช่นนี้”

ภาพ โพสต์ “อานนท์” หรือนี่ ที่มาเผาดะ? ขอบคุณภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายอานนท์ ได้โพสต์ถึงการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ซึ่งมีบางช่วงที่ระบุถึงการเผาว่า เป็นการขยับเพดานในยุทธวิธี โดยอ้างว่า เป็น สันติวิธี

“นอกจากม็อบจะขยับเพดานด้านเนื้อหา เรายังกำลังขยับเพดานด้านยุทธวิธีด้วยการเผารูป เผาหุ่น ถือเป็นสันติวิธี ส่วนการขว้างประทัด พลุไฟ ใส่ตำรวจ นั่นไม่ใช่สันติวิธี เรียนรู้ + ห้ามปราม วิพากษ์กันเองในขบวน คือ การทำให้เราพัฒนาและแข็งแกร่งขึ้นอย่างมั่นคง” นายอานนท์ โพสต์ในเฟซบุ๊ก

แน่นอน, ปัญหาที่หลายคนเห็นตรงกันทุกครั้งที่ม็อบราษฎร หรือ ม็อบ 3 นิ้ว จัดชุมนุม คือ พฤติกรรมเลยเถิดไปกว่าการชุมนุมแบบสันติวิธี หรือ การใช้เหตุผล “ถูก-ผิด” ในการทำให้มวลชนคล้อยตาม และเข้ามามีส่วนร่วมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเรือนหมื่น เรือนแสน เรือนล้าน ทวีจำนวนขึ้นเรื่อย แต่ปรากฏว่า ม็อบ 3 นิ้วในเวลานี้ใช้ยุทธวิธีรุนแรง ในการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมฝูงชน ดูถูกเหยียดหยามสารพัด เหมือนไม่ใช่คน...

จนในที่สุด กลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกันไปแล้ว จึงดูเหมือนตั้งใจที่จะปะทะกับเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธที่เตรียมไปจากบ้านก่อนแล้ว(อย่างที่ตรวจค้นจับได้ จากม็อบ 18 กรกฎา)

แล้วที่สำคัญ คือ ท่าทีของ แกนนำอย่างที่ “ตั้ม-พิชิต” ว่าไว้

อย่าลืมว่า การส่งสัญญาณของแกนนำแม้อ้างว่า เพื่อปลุกเร้าให้คนอยากมาร่วมชุมนุมก็ตาม แต่ท่าทีที่ออกไปทางยุยง ปลุกปั่น ใช้คำพูดที่คลุมเครือ เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย แต่ความหมายก็คือ ส่งสัญญาณให้ใช้ความรุนแรงได้ถ้าจำเป็น หรือ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

ยิ่งกว่านั้น ผู้ลี้ภัยล้มเจ้าบางคน ยังแนะนำอีกต่างหากว่า ในสถานการณ์ขณะนี้มันคือ สงคราม มันไม่มีสันติวิธีแล้ว หรือ สันติวิธีใช้ไม่ได้แล้ว อะไรทำนองนั้น อย่างนี้สาวกก็ยิ่งรู้สึกว่า สิ่งที่ตัวเองทำถูกต้องแล้ว แต่หารู้ไม่ว่า มันคือ การยุยงให้ทำผิดกฎหมาย ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์สงครามอะไรเลย เรียกสงครามอยู่ฝ่ายเดียว

อีกทั้งที่ต้องไม่ลืม ก็คือ ม็อบ 3 นิ้ว มีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่เพดานการทะลุทะลวงให้สำเร็จ ไม่ใช่อยู่ที่ขับไล่ประยุทธ์ และแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่เป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น ดังนั้น เมื่อเพดานตั้งไว้สูง ถึงขั้น “ปฏิรูปสถาบัน” ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องทำ และมีคำถามคาใจว่า ทำเพื่ออะไร จึงไม่มีทางที่จะปลุกพลังมวลชนให้ลุกฮือได้

จึงไม่แปลก สิ่งเดียวที่จะเรียกร้องความสนใจจากชาวโลกได้ คือ ความรุนแรง และโยนบาปให้ “รัฐบาลประยุทธ์” และสถาบัน ซึ่งที่ผ่านมา พยายามโยงให้เห็นตลอดว่า อยู่เบื้องหลังรัฐบาล รักษาอำนาจตัวเองด้วยการปราบปรามประชาชน ส่วนจริงหรือไม่ ประชาชนเขาชัดเจนนานแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น