“ทักษิณกลับบ้าน” เริ่มไม่ใช่เรื่องเล่น ล่าสุด หลุดเที่ยวบิน “ธนาธร” ไป “ดูไบ” พบใคร? เพื่ออะไร? กำลังน่าสนใจ “เทพมนตรี” ตอกย้ำ “โทนี่” กลับไทยยาก ฟันธง เหลือทางเดียว เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง ส.ส.เสื้อแดง รับลูกทันควัน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (16 ก.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “หลุดแผนเที่ยวบิน “ธนาธร” เจาะจงไป “ดูไบ” เตรียมไปพบใครเป็นพิเศษ”
เนื้อหาระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 64 ทางด้านของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อเรื่อง “ปิยบุตรบินไปฝรั่งเศสแล้ว?” ซึ่งอ้างมาจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ นั่นก็คือ เพื่อนของปิยบุตร
ต่อมาในวันที่ 13 ก.ค. 64 นายปิยบุตร ออกมายืนยันผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นครั้งแรกหลังจากแอบย่องไปประเทศฝรั่งเศสแบบเงียบๆ ว่า ขณะนี้อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสจริง โดยอ้างว่า มาเยี่ยมภรรยา แต่แอบเหน็บแนมรัฐบาลเรื่องวัคซีน
ในวันที่ 14 ก.ค. 64 “ดร.นิว” ได้โพสต์ข้อความอีกครั้ง โดยเปิดประเด็นเรื่อง “ปิยบุตร” ออกไปต่างประเทศ ที่ได้ฟังมาจากเพื่อนสนิท ของปิยบุตรเอง พร้อมสงสัยว่า จะกลับมาในเดือนกันยายนอย่างที่บอกไว้ จริงหรือไม่? แต่คาดว่าจะไม่กลับมา?
ต่อมาในวันที่ 15 ก.ค. 64 ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำหลักสูตรการวิเคราะห์ธุรกิจและวิทยาการข้อมูลคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ก็ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับ “ไอ้ตี๋” เตรียมจะบินออกนอกประเทศ ตามปิยบุตรไป โดยมีรายละเอียดว่า
“เตรียมหนีคดี ฝากลูกกับเมียไว้กับญาติเมียที่เชียงใหม่
ไอ้ตี๋คนหนึ่ง ไปเชียงใหม่บ่อยๆ เพราะได้เมียเป็นคนเชียงใหม่ ไอ้ตี๋คนนี้มันมีเป้าหมายในชีวิตสูงสุดอย่างเดียวคือล้มเจ้าให้ได้ ต้องการเปลี่ยนไปเป็นสาธารณรัฐ
ไอ้ตี๋คนนี้ได้เมียสวยและฉลาด แต่ญาติทางเมียกลับเป็นคนรักเจ้ากันแทบทั้งหมด ไอ้ตี๋ค่อนข้างเป็นแกะดำในสายตาครอบครัวและญาติทางเมีย
ไอ้ตี๋มีคดีเป็นหางว่าว พี่น้องกระทั่งแม่ไอ้ตี๋ก็มีคดีโกงที่ดิน บุกรุกป่าไม้ กันเยอะแยะเต็มไปหมด คดีที่ศาลหนึ่งตัดสินว่าผิดแล้ว กำลังจะไปตัดสินอีกศาลหนึ่งของไอ้ตี๋ก็มีอยู่ คงต้องรอดูกันต่อไป
หลายเดือนก่อน พ่อตาไอ้ตี๋เสียชีวิต ไอ้ตี๋ได้ใจญาติพี่น้องเมียมาก ฉวยโอกาสไปแบกโลงพ่อตาขึ้นบนบ่าเวียนรอบเมรุก่อนเผา ในระหว่างงานศพ ไอ้ตี๋ คงคิดว่าฝากลูกเมีย กับญาติทางเมียได้ เลยมีการสั่งเสียและฝากลูกเมียไว้ เพราะตัวเองอาจจะต้องหนีคดีไปสหรัฐอเมริกา เพราะมีสายสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอเมริกาและมีธุรกิจที่โน่นด้วย การขอเข้าไปอยู่อเมริกาทำได้ง่ายดาย
ญาติพี่น้องทางเมียของไอ้ตี๋ก็รับปากจะดูแลลูกเมียไอ้ตี๋ให้เป็นอย่างดีครับ เพราะนึกสงสารและนึกเอ็นดูที่ไอ้ตี๋ทำตัวน่ารัก ตัวไอ้ตี๋เองคงรู้ตัวอะไรบางอย่างถึงได้สั่งเสียเตรียมหนีคดีอย่างนี้แหละครับ รอดูต่อไป ไอ้ตี๋จะหนีคดีเมื่อไหร่หนอ”
ล่าสุด ดร.อานนท์ ก็ได้โพสต์เที่ยวบิน ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้่…
ไอ้ตี๋จะไปไหน จะไปทำอะไร ไปดูไบ ไปเจนีวา ด้วย
ขาไป EK385 18/08/2021
BKK-DUBAI-JENEVA
ออกจาก BKK เวลา 23.45
ขากลับ EK378 21/9/2021
DUBAI-PHUKET เวลา 12.30
ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านหรือไม่?
ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุใด “ธนาธร” มีเที่ยวบินเจาะจงไป “ดูไบ” ซึ่งรู้กันดีว่า ทักษิณ ได้หนีคดี และมีบ้านอาศัยอยู่ที่นั่น การเดินทางครั้งนี้ เลยเป็นที่น่าสงสัยว่า ธนาธร ไปพบใครเป็นพิเศษหรือไม่?
ขณะเดียวกัน นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ ซุปเปอร์ดีลของโทนี่
โดยระบุว่า ผู้มีสติปัญญาย่อมรู้ดีว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โทนี่โกหกมากี่ครั้งแล้ว ถ้าขืนเชื่อต่อไปว่าเขาจะกลับมาตัวเป็นๆ บินลงสุวรรณภูมิเดินออกประตูหน้ามันขัดกัน ซึ่งความเป็นจริงที่มีอยู่ในปัจจุบัน
มีบางคนเชื่อว่า เขามีซุปเปอร์ดีลกับบุคคลระดับสูงที่มีอำนาจ เฉพาะประเด็นนี้ ผมไม่เชื่อว่าโทนี่จะประสบผลสำเร็จ แต่การโกหกของเขาครั้งนี้ได้สร้างความปั่นป่วนไปทั่ว อันนี้สิของจริง
เจตนาของเขาอาจต้องการเพียงเท่านี้ เพื่อเหล่าบรรดาสาวกที่ยังนิยมชมชอบเขาหลงใหลได้ปลื้มว่านายใหญ่คงได้ดีลสำเร็จมาแล้ว อีกทั้งคนทั่วไปคือประชาชนในระบอบอุปถัมภ์อย่างชาวบ้านในเขตพื้นที่เลือกตั้งเหนืออีสานอันเป็นฐานคะแนนเสียงจะได้ไปปล่อยข่าวว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญจบดีลให้โทนี่
นี่คือปรากฏการณ์โกหกพกลมคำโต ผมขอยืนยันว่า ไม่มีซุปเปอร์ดีลอะไรในทำนองที่ว่านี้ ที่จะทำให้โทนี่มีอภิสิทธิ์เหนือนักโทษคนอื่น สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้กับโทนี่ที่เขาจะกลับมาได้อย่างเท่ ก็คือ
ใส่โกศ หรือห่อผ้าขาวกลับมา 2. มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมและได้รับพระราชทานอภัยโทษ 3. มีการรัฐประหารเพื่อโทนี่ เป็นการเฉพาะตัว
ผมบีบกระชับพื้นที่ขอบเขตให้โทนี่ได้กลับมาภายในข้อจำกัด 3 ข้อนี้เท่านั้น ข้อ 2 หมายถึงพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วออกกฎหมายนิรโทษกรรม ขอพระราชทานอภัยโทษ แต่การทำเช่นนี้ต้องสุดซอยจริงๆ คือ ต้องนิรโทษกรรมทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกสีตั้งแต่ พ.ศ. 2549 เพื่อโทนี่จะได้รอด ข้อนี้เป็นความเห็นแก่ตัวที่สุด ซึ่งจะไม่มีวันสำเร็จได้เลย ผมไม่เชื่อว่าใครจะกล้าทำเช่นนั้น แม้จะคิดได้ แต่อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ได้ไม่คุ้มเสีย
ข้อ 3 ผมไม่เชื่อว่า จะเกิดขึ้นได้ และจะส่งผลร้ายแรงสุดๆ เป็นสิ่งที่ ธนาธร ปิยบุตร และหลายคนในฝรั่งเศสต้องการ เพราะถ้ามีเหตุการณ์นี้ ประชาชนจะลุกขึ้นมาต่อต้านจนบานปลายเป็นปฏิวัติประชาชน สวิงกลับไปล้มล้างสถาบัน
ผมยังคิดต่อไปว่า ที่โทนี่พูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจเป็นการแสดงละคร แค่ป่วนบ้านป่วนเมือง มันจึงเหลือแต่ข้อ 1 ที่โทนี่จะกลับมาได้ นั่นแหละคือซุปเปอร์ดีลที่คนไทยบางกลุ่มและอาจเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ที่รอคอย โทนี่ร่ำรวยขนาดนั้นควรรู้จักพอ สละทางโลกคิดถึงทางธรรมเพื่อเตรียมความพร้อมในวาระสุดท้ายของชีวิตเถอะครับ!
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน กรณี นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล อดีตแกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณีที่จะนำอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะกลับไทยได้ว่า ทางกฎหมายมีอยู่ 5 วิธี ซึ่งขอสงวนเป็นความลับไว้ก่อน
แต่เบื้องต้นจะทำการรวบรวมรายชื่อประชาชน จำนวน 1 แสนชื่อ เพื่อเป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ปี 2564 โดยสาระสำคัญของ พ.ร.บ.การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อกันเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โดยประชาชนสามารถเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายหรือร่างรัฐธรรมนูญต่อสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานรัฐสภาได้
นายเพชรวรรต กล่าวต่อว่า หลังจากหารือกับฝ่ายกฎหมาย จะนำเสนอ “พ.ร.บ.อภัยโทษแก่นักโทษการเมืองเพื่อความปรองดองสามัคคีของคนในชาติ” ต่อรัฐสภา เพื่อเชิญนายกฯ ทักษิณกลับมา เป็นจุดเริ่มต้นที่จะแสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นของบันไดก้าวแรกในการหาทางออกร่วมกันอย่างปรองดองอย่างสมานฉันท์ และร่วมกันสร้างชาติ โดยเฉพาะปัญหาโควิด-19 ที่เป็นปัญหาเรื้อรัง
โดยทางทีมที่ปรึกษาด้านกฎหมายได้จัดทำแคมเปญ “เชิญทักษิณกลับไทยสู้โควิด19” ผ่าน Link ชื่อ https://www.change.org/ทักษิณกลับไทยเพื่อให้ประชาชนเข้าลงชื่อ ซึ่งถ้ามีเป็นจำนวนมากก็จะแสดงถึงเจตนารมณ์ของปวงชนชาวไทยที่กำหนดทิศทางของประเทศ
แน่นอน, ประเด็นการเดินทางไปดูไบของ นายธนาธร ถ้ามองอย่างผิวเผินจะอ้างเดินเพื่ออะไรก็ได้ แต่ถ้ามองอย่างลึกซึ้ง ก็ต้องบอกว่า ต้องมีอะไรเป็นพิเศษแน่ๆ เพราะว่า ที่นั่น มี “ทักษิณ” รออยู่แล้ว?
ประเด็นที่น่าคิด อยู่ที่ว่า พักหลัง “ทักษิณ” พูดถึงการกลับบ้านอย่างจริงจัง และย้ำชัด จนสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการออกคลับเฮาส์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลถี่ขึ้นเช่นกัน เพราะนั่นหมายถึงการนวดไปทีละน้อย จนสุกงอมได้ที่ คนไทยโกรธและเกลียดรัฐบาลตามที่ “โทนี่” ชี้นำ อย่างชนิดไม่เหลือเยื่อใยอีกต่อไป
ก่อนที่จะตามมาด้วยแผนสอง และสาม...
ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า กลุ่มนายธนาธร และนายปิยบุตร เริ่มถึงทางตัน นั่นหมายถึง แกนนำม็อบถูกจับและมีคดีติดตัวคนละหลายคดี ยิ่งเคลื่อนไหวก็ยิ่งเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ถือว่า การทะลุเพดานมาอยู่ในจุดที่ยากไปต่อ และทำท่าว่าจะลดเพดานลงมาอยู่ที่การไล่ “พล.อ.ประยุทธ์” เท่านั้น
เรื่องนี้สำคัญ เพราะที่ผ่านมา ยังไม่เห็นความร่วมมือที่ชัดเจนของ ฝ่าย “ทักษิณ” กับ “ฝ่ายธนาธร-ปิยบุตร” เพราะภาพลักษณ์ทักษิณ คือ นักโทษหนีคดีทุจริต ขณะที่กลุ่มธนาธร-ปิยบุตร วางตัวเอง เป็นผู้นำคนรุ่นใหม่ เป็นนักประชาธิปไตย ที่รังเกียจนักการเมืองน้ำเน่า ที่มีภาพลักษณ์ทุจริตคอร์รัปชัน จึงมีการรักษาระยะห่างอยู่พอสมควร โดยเฉพาะอุดมการณ์ที่ค้ำคออยู่นั่นเอง
แต่บทสรุป มันทำให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ม็อบไม่มีทางสำเร็จ ตราบใดที่ไม่สามารถเรียกคนได้จำนวนมหาศาล หรือ มีประเด็นร่วมของคนที่คลั่งแค้น
ถ้าสมมติว่า กลุ่มธนาธร-ปิยบุตร มีความสามารถในการชี้นำการปฏิวัติ และการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ไม่มีมวลชน หรือปลุกมวลชนไม่ขึ้น เพราะยังมีความจงรักภักดีของประชาชนส่วนใหญ่ เป็นก้างขวางคออยู่ จำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องพึ่งคนที่มีพลังจัดตั้งทางการเมือง และมีฐานมวลชนขาดใหญ่ที่ชี้นิ้วชี้นำได้ พร้อมมาร่วมเป็น “หน้าม้า” ในการสร้างกระแสไปทั่วโลก ขณะเดียวกันก็ยึดกุมกระแสในประเทศเอาไว้ได้หมด ถ้าอย่างนี้ต้องพึ่งใคร???
แล้วถ้ามีการร่วมมือกันเกิดขึ้นอย่างจริงจัง ระหว่างสองกลุ่ม มีการม็อบอย่างมีทิศทาง พร้อมมีมวลชนจัดตั้งเข้าร่วมอย่างแน่นอน ผ่านหัวคะแนน มีการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฎหมายผ่านทางรัฐสภา มีการเตรียมพร้อมบ่มเพาะกระแสความล้มเหลวของรัฐบาล โดยนักปลุกปั่นมืออาชีพ อะไรจะเกิดขึ้น นี่ต่างหาก ที่ทำให้การเดินทางไปดูไบของ “ธนาธร” มีความหมายมากกว่าไปเที่ยว หรือ ไปธุระอื่นใดทั้งสิ้น จินตนาการตามได้เลย!!!