“วัชระ” เฮ! ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตฯพิพากษากลับศาลชั้นต้น ให้รับฟ้องอดีต สนช. “ชัชวาล” ม.137, 157 จากมหากาพย์ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้า
วันนี้ (6 ก.ค. 64) เวลา 10.30 น.ที่ห้อง 702 ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ คดีหมายเลขดำที่ อท.420/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 7081/2564 ศาลอุทธรณ์วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ระหว่าง นายวัชระ เพชรทอง โจทก์ นายชัชวาล อภิบาลศรี จำเลย เรื่อง ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม (ชั้นตรวจฟ้อง) จากกรณีนายชัชวาล อภิบาลศรี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในฐานะเป็นประธานการประชุมของคณะกรรมการเร่งรัดและติดตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.137, 157 และ 90 จงใจแจ้งความเท็จว่าไม่มีการจดบันทึกการประชุมของคณะกรรมการเร่งรัดและติดตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เพื่อจะได้ไม่ต้องส่งแถบเสียง ชวเลข หรือรายงานการประชุมดังกล่าวต่อศาล ตามที่โจทก์ (ซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว) ร้องขอเพื่อให้เป็นหลักฐานในการต่อสู้คดีดังกล่าว ซึ่งในการแจ้งข้อความเท็จนี้เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ผู้อื่นหรือประชาชน หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งศาลชั้นต้นยกฟ้องนั้น
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตฯมีคำพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องเฉพาะในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 137 และ 157 แล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ตามรูปคดีต่อไป การที่ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วด่วนมีคำพิพากษายกฟ้องทุกข้อหาโดยไม่ไต่สวนมูลฟ้องตามการชี้ช่องพยานบุคคลของโจทก์เสียก่อนนั้น ไม่ชอบด้วยกระบวนการพิจารณามีผลให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนนี้ไม่ชอบไปด้วย ศาลอุทธรณ์แผนกคดีอาญาทัจริตและผระพฤติมิชอบไม่เห็นด้วยบางส่วน อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน นัดพร้อมวันที่ 11 สิงหาคม 2564 เวลา 09.30 น
สำหรับมาตรา 137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 157 บัญญัติว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1 ถึง 10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”