“อ.ไชยันต์” ออกโรงยกบทเรียน เตือนอารยะขัดขืน “เจอคุก” หลัง “เพนกวิน” นัดม็อบเปิดตลาดไล่นายกฯไม่สนโควิด “หมอเหรียญทอง” แบบอย่างสร้างสรรค์ ช่วยร้านอาหาร นำเข้าโครงการ รพ.มงกุฎฯ ส่งเสบียงให้ผู้ป่วยกักตัวอยู่บ้าน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (1 ก.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “เพนกวิน” นัดม็อบเปิดตลาดหน้าทำเนียบ ไม่สนโควิด ขณะ อ.ไชยันต์ ยกบทเรียนเตือนอารยะขัดขืน เจอคุก!?
โดยเนื้อหาระบุว่า จากกรณีที่ น.ส.ประภาวี เหมทัศน์ หรือ บะหมี่ เจ้าของแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม ประกาศจัดกิจกรรม ให้ผู้ประกอบการร้านอาหารทำอารยะขัดขืน เชิญชวนให้เปิดร้านอาหาร ฝ่าฝืนคำสั่งของ ศบค.ห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้าน โดยบอกว่า ขณะนี้มีร้านเข้าร่วมแคมเปญมากกว่า 200 แห่ง โดยร้อยละ 90 เป็นร้านในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งมีตั้งแต่ร้านข้าวมันไก่ ร้านลาบ ร้านส้มตำ ร้านกาแฟ ร้านชานม รวมถึงร้านขนาดใหญ่ด้วย
โดยในสัปดาห์หน้าจะเริ่มเฟสแรก ด้วยการจัดกิจกรรม Flashmob ดาวกระจายในหลายๆ ร้าน ในหลายพื้นที่ ที่ร่วมลงทะเบียนมาเปิดกิจกรรม มีการขายเครื่องดื่ม อาหารกลับบ้าน และเปิดพื้นที่ให้เล่นดนตรีแบบ unplugged และมีการปราศรัยโดยไม่ใช้เครื่องขยายเสียง ซึ่งมั่นใจว่า จะมีผู้มาสนับสนุนร้านค้าเหล่านั้น ส่วนนักดนตรีที่ขาดรายได้ ไม่มีที่เล่นมานาน ก็จะมีที่เล่นและมีผู้สนับสนุน โดยใน 1 วัน จะทำเป็นดาวกระจายในหลายๆ ร้าน ในหลายพื้นที่
ต่อมาทางด้าน นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำคณะราษฎร ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว เหมือนเป็นการรับลูกต่อจากบะหมี่ เจ้าของแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม ว่า
ประกาศเชิญชวนล่วงหน้า ศุกร์นี้ผมและเพื่อนๆ จะไปไล่ประยุทธ์ จึงเชิญชวนพี่น้องราษฎรทุกคนมาไล่ประยุทธ์ด้วยกัน รายละเอียดและสถานที่จะแจ้งให้ทราบวันพรุ่งนี้ ใครไม่อยากก้มหน้าทนรัฐบาลแล้วกรุณาเตรียมยืดเส้นยืดสายรอ ทั้งนี้ พ่อค้าแม่ขายที่เดือดร้อนจากการทำงานของรัฐบาลนี้ โปรดเตรียมของมาเปิดตลาดขายกันโดยพร้อมเพรียง
ล่าสุด ก็ได้โพสต์ข้อความต่อว่า วันพรุ่งนี้ ใครเดือดร้อนจากการบริหารประเทศของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเปิดท้ายขายของกันที่ทำเนียบรัฐบาลนะครับ พบกัน ศุกร์ที่ 2 ก.ค. นี้ 16:00-22:00 น. เปิดตลาดราษฎรพร้อมขับไล่เผด็จการ *โปรดติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม* #เปิดท้ายวันศุกร์ลุกไล่เผด็จการ (นะจ๊ะ)
ในขณะที่ เพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ก็โพสต์ในทำนองเดียวกัน
ต่อมาทางด้านของ ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร แห่งภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กถึงกรณีการทำอารยะขัดขืน โดยระบุว่า
“ว่าด้วยอารยะขัดขืน ??? ตอนผมฉีกบัตรเลือกตั้ง ปี ๒๕๔๙ มีคนในที่อื่นๆ ฉีกบัตรเลือกตั้งเช่นกัน จึงมีคนพยายามกล่าวหาผมเพิ่มเติมว่า ผมได้ชักชวนให้ผู้อื่นทำผิดกฎหมาย แต่โชคดี ที่ผมไม่เคยชักชวนใครเลย ไม่เคยจริงๆ
ผู้กล่าวหา จึงไม่สามารถหาหลักฐานมาฟ้องผมได้ เพราะของแบบนี้ มันเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล จริงๆ ไม่มีใครติดคุกแทนเราได้ แต่อาจเสียค่าปรับให้เราได้ และที่เคยบอกผมว่า จะมีทนาย มาช่วย
ท้ายสุด ผมก็ต้องจ่ายเองหมด ทุกบาททุกสตางค์ ฝ่ายรัฐเขาฟ้อง จนผมต้องสู้ถึงศาลฎีกา และเพื่อเป็นความรู้ทางกฎหมาย ผมจึงขอคัดบางส่วนของ ประมวลกฎหมายอาญา มาดังนี้ ครับ
หมวด 6 ตัวการและผู้สนับสนุน
มาตรา 83 ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด ไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วาน หรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 85 ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิดและความผิดนั้นมีกำหนดโทษไม่ต่ำกว่าหกเดือน ผู้นั้นต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ถ้าได้มีการกระทำความผิดเพราะเหตุที่ได้มีการโฆษณาหรือประกาศ ตามความในวรรคแรก ผู้โฆษณาหรือประกาศต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ
มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น
———————
อนึ่ง ขอเรียนว่า อารยะขัดขืน เมื่อทำผิดกฎหมายแล้ว ก็ต้องมอบตัวและต่อสู้ในขั้นศาล เพื่อยืนยันเหตุผลและหลักการของตนในความจำเป็นที่ต้องกระทำผิดกฎหมาย และพร้อมยอมรับ คำตัดสิน ของศาล
ป.ล. ผมไม่เคยเรียกหรือกล่าวอ้างว่า การกระทำผิดกฎหมายโดยการฉีกบัตรเลือกตั้ง ของผมเป็นการทำอารยะขัดขืนเลย มีแต่คนอื่นเขาบอก เขาเรียก! ลืมบอกไป! ตอนแรก มีคนของพรรคการเมืองหนึ่งจะแจ้งความว่า การฉีกบัตรเลือกตั้งของผม (บัตรของผม!) สร้างความเสียหายให้พรรคเขาด้วย แต่ตอนหลัง เขาไม่ฟ้อง ไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่ถ้าการกระทำผิดของคนๆหนึ่งไปสร้างความเสียหายให้กับคนจำนวนมาก และพิสูจน์ทราบได้ เกรงว่าคนจำนวนมากนั้นจะพากันมาฟ้องร้องเป็นโจทย์จำนวนมหาศาล! …….
คดีของผม ศาลฎีกาตัดสินให้ผมผิด โทษจำคุก ๑ เดือน รอลงอาญา ปรับเงิน ๒,๐๐๐ บาท ตัดสิทธิ์ทางการเมือง ๕ ปี ครับ
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น แห่ชื่มชม “หมอเหรียญทอง” ยื่นมือช่วยร้านอาหาร นำเข้าโครงการ รพ.มงกุฎฯ ส่งเสบียงให้ผู้ป่วยกักตัวอยู่บ้าน
โดยเนื้อหาระบุว่า จากกรณีที่มีคำสั่ง จากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.เรื่อง พื้นที่ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยมีการสั่งให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร งดให้บริการรับประทานอาหารที่ร้าน และให้สั่งกลับไปรับประทานอาหารที่บ้านเท่านั้น
จนกระทั่งล่าสุด แนวร่วมม็อบสามกีบ ได้ออกมาจัดแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม ซึ่งเป็นการเชิญชวนผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของ ศบค. ให้มีการออกมาชุมนุม และทางด้านกลุ่มแกนนำคณะราษฎร ก็ได้มีการปลุกมวลชนเปิดตลาดขายของบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล
แต่ทางด้าน พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้โพสต์ข้อความว่า
ร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งงดการนั่งรับประทานอาหารในร้าน สามารถเข้าร่วมกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ในโครงการ “กักกันและรักษาที่บ้าน” [Home Isolation] สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่่ไม่มีอาการ ด้วยการประกอบอาหารและบริการอาหารถึงบ้าน [Food Delivery]
ทั้งนี้ ผมจะจัดทำแผนส่งกำลังเสบียงเพื่อแบ่งมอบพื้นที่ในการบริการอาหารถึงบ้าน [Food Delivery] เพื่อให้แต่ละร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบดำเนินการบริการอาหารถึงบ้าน [Food Delivery] ให้แก่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่่ไม่มีอาการที่ “กักกันและรักษาที่บ้าน” [Home Isolation]
ท่านผู้ประกอบการสามารถแจ้งชื่อร้านอาหาร สถานที่ตั้งที่ประกอบการ มายังแผนกจัดซื้อเพื่อให้ผมจัดทำแผนส่งกำลังเสบียงอาหาร… โทร. 02-574-5000 ต่อ 8889 [คุณธนภรณ์]
หมายเหตุ เนื่องจากผมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังนั้น ผู้ประกอบการที่ต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ต้องเสนอตัวกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ นะจ๊ะ
ต่อมาก็ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมกับบอกว่า ร้านไหนร่วมสนับสนุนคุณหมอ รบกวนทีมงานคุณหมอทำภาพอาหารพร้อมเบอร์และที่อยู่ร้านอาหาร เผื่อพวกหนูๆ พี่ๆ จะช่วยอุดหนุนด้วยอีกทาง ขอบพระคุณจ้า, ผู้ป่วยได้อาหารดี ผู้ประกอบการได้ทางรอด ลดภาระผู้ดูแลเฝ้าระวัง โครงการที่ดี ควรใช้ทั่วประเทศ
แผนการนี้สุดยอดมากค่ะ ช่วยทุกคนช่วยทุกด้าน ถ้าทุกธุรกิจในประเทศจะเอา รพ.คุณหมอเป็นแบบอย่างนี่จะดีมาก คือ ใครช่วยใครได้มารวมกันมาช่วยกัน เราโดยรวมจึงจะรอด กราบในน้ำใจและความมุ่งมั่น
อย่างไรก็ตาม ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคณะราษฎร ที่ได้ออกมาโหนเรื่องของคำสั่ง ศบค.ที่สั่งให้ผู้ประกอบร้านอาหาร งดให้บริการรับประทานอาหารภายในร้าน แต่สามารถสั่งซื้อกลับบ้านได้ ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวอีกรูปแบบหนึ่ง ท่ามกลางสถานการณ์โควิดที่กำลังระบาดหนักในช่วงนี้ ซึ่งจากกรณีของการชุมนุม เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งมีมวลชนเข้าร่วมเพียงแค่หลักร้อยคน
ซึ่งในครั้งนี้ ก็หันมาเคลื่อนไหว โดยใช้วิกฤตของร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบ มาโหนเพื่อให้คนออกมาเคลื่อนไหวในรูปแบบของการเปิดตลาด เป็นวิธีการปลุกมวลชนในอีกรูปแบบหนึ่ง ภายในข้ออ้างที่บอกว่า เปิดตลาดช่วยผู้ประกอบการ แต่แท้จริงก็เป็น หนึ่งการเคลื่อนไหวชุมนุมของสามกีบ
แน่นอน, ประเด็นที่น่าคิดก็คือ การต่อต้านนโยบายรัฐที่ทำเพื่อประโยชน์ของสังคม ด้วยการทำผิดกฎหมายของคนบางกลุ่ม ซึ่งเท่ากับว่า ทำผิดถึงสองชั้น หนึ่ง ทำผิดต่อสังคม กรณีป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงของสังคม และถ้าหากเป็นผู้แพร่เชื้อหรือ “คลัสเตอร์” ขึ้นมา ก็จะถือว่า เป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศชาติที่ทำให้คนไทยทุกคนเดือดร้อน และถึงขั้นล้มตายจำนวนมาก สอง ผิดกฎหมาย ซึ่งแทบไม่ต้องสงสัยอยู่แล้ว
ถามว่า ถ้ามีความผิดขนาดนี้แล้ว ทำไมกลุ่มม็อบราษฎร จึงกล้าท้าทาย ทั้งต่อสังคมไทย และอำนาจรัฐ เป็นเรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่จะต้องคิดพิจารณาจากพฤติกรรมที่ผ่านมาของพวกเขาเอาเอง แม้แต่สถาบันสูงสุดของประเทศเขาก็ไม่ไว้หน้าอยู่แล้ว
ส่วนประเด็นของ “หมอเหรียญทอง” ถือว่า เป็นความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ที่คนในสังคมสามารถเอาเป็นตัวอย่างได้ เพราะถือเป็นการช่วยเหลือสังคมในสถานการณ์วิกฤตที่แต่ละคนสามารถช่วยได้ ขึ้นกับฐานะทางการเงิน ฐานะอาชีพ และโอกาสที่พอช่วยได้ โดยที่ตัวเองไม่เดือดร้อน นี่คือ สิ่งที่สังคมในขณะนี้ต้องการ โดยไม่ต้องให้ใครร้องขอ
ไม่ใช่เล่นการเมืองตะพึด มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ สร้างแต่ความเดือดร้อนเพื่อความสะใจที่ได้เล่นการเมือง ไม่สนใจใครจะเป็นใครจะตาย คนพวกนี้นับวันจะเพิ่มมากขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะคนที่มีเบ้าหลอมอันมักง่าย อย่างที่เห็นและเป็นอยู่
คิดดูให้ดี ประเทศไทย ต้องการคนประเภทไหนมากที่สุด สามารถแยกแยะได้อยู่แล้ว