“แรมโบ้” แนะ “คุณหญิงสุดารัตน์” อย่าทำใจมืดบอด มองไม่เห็นความตั้งใจดีที่นายกฯทำ ทั้งควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโควิด พร้อมออกมาตรการเยียวยา เดินหน้าเศรษฐกิจด้วยการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
วันนี้ (28 มิ.ย.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีได้ออกมาตอบโต้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ที่นำลูกทีมออกมาแสดงความห่วงใยมาตรการล็อกดาวน์ และบอกรัฐบาลบริหารงานแบบตามยถากรรม โยนภาระให้ประชาชน โดยนายเสกสกล กล่าวว่า ก่อนอื่นอยากให้คุณหญิงสุดารัตน์ ทำความเข้าใจถึงคำสั่งดังกล่าวก่อนว่า ไม่ใช่การล็อกดาวน์ ซึ่งตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุขในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 และที่ ศบค. ได้ประกาศข้อกำหนด ฉบับที่ 25 ที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษานั้น เป็นการใช้มาตรการเร่งด่วนเพื่อควบคุมการระบาดไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่เป้าหมายเฉพาะ 10 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เป็นการสกัดกั้นไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มแรงงาน สถานประกอบการ ที่พบว่ามีการแพร่ระบาดแบบกลุ่มก้อน รวมถึงการขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงนี้ เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อเป็นการยับยั้งการระบาดของเชื้อโควิด
มาตรการดังกล่าวที่ออกมานั้นเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมถึงคณะแพทย์ได้คิดร่วมกันดีแล้ว โดยคำนึงถึงผลดี ผลเสียที่จะเกิดขึ้น โดยเลือกที่จะคุมเข้มในบางจุดที่จะเป็นสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ไม่ควบคุมทั้งหมด เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไปทั้งหมด และการกำหนดควบคุมเฉพาะจุดก็เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายเรียกร้อง เพราะไม่เช่นนั้นก็คงต้องเผชิญการการแพร่ระบาดต่อไป ไม่มีวันจบสิ้น ขณะที่หมอ พยาบาลก็อ่อนล้าเต็มที ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยทุกคน การที่จะมีคำสั่งใดๆ ออกไปนั่นหมายความว่าคิดดีแล้ว โดยภายหลังจากมีประกาศคำสั่งออกไป ก็ได้มีมาตรการรองรับในการที่จะเยียวยาประชาชนโดยเฉพาะแรงงานต่างๆที่อยู่ในแคมป์ที่ได้รับผลกระทบ โดยทางกระทรวงแรงงานจะชดเชยรายได้ให้ร้อยละ 50 ของรายได้ที่แรงงานได้รับอยู่ และยังดูแลเรื่องความเป็นอยู่ อาหารการกินต่างๆ ภายในระยะเวลา 1 เดือนที่ปิดแคมป์
ส่วนที่คุณหญิงสุดารัตน์และลูกทีมบอกว่า นายกฯ บริหารตามยถากรรม จนทำให้สถานการณ์วิกฤตเตียงไม่พอ ทำให้รับผู้ป่วยมารักษาไม่ทันท่วงทีนั้น ยิ่งส่งผลให้มีผู้ป่วยหนักและตายมากขึ้นนั้น นายกฯ และทีมแพทย์ทราบดีถึงเหตุการณ์เตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ ซึ่งสาเหตุก็มาจากการระบาดที่มีจำนวนมากขึ้นนั่นเอง จึงได้ตัดสินใจควบคุมจุดที่มีการระบาดมากอย่างแคมป์คนงาน และที่ผ่านมาก็พยายามเสริมเตียงในโรงพยาบาลสนามหลายแห่ง เจรจาขอเตียงจากโรงพยาบาลเอกชนมาเสริมหรือการใช้พื้นที่ของทหารมาทำเป็นโรงพยาบาลชั่วคราว สิ่งเหล่านี้มีการดำเนินการมาแล้ว
“ที่คุณหญิงสุดารัตน์บอกนายกฯ บริหารแบบตามยถากรรม การล็อกดาวน์ โดยล็อกคน ปิดการทำมาหากินเพียงอย่างเดียว โดยไม่ล็อกโรค จะไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ในเร็ววัน คนจะตายเพราะโรคและพิษเศรษฐกิจอีกมากมาย นั้น ไม่แน่ใจว่าคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ ที่ขณะนี้ประเทศไทยกำลังจะเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้แล้ว โดยนายกฯ จะเดินทางไปเป็นประธานในการเปิดด้วยตัวเอง นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่า นายกฯ คิดรอบด้าน ทั้งการควบคุมเชื้อโควิด และการต้องเดินหน้าทางด้านเศรษฐกิจ แต่ก็เข้าใจว่า ไม่ว่านายกฯ หรือรัฐบาลจะทำอย่างไร ฝ่ายค้านหรือคุณหญิงสุดารัตน์ก็คงไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้น ก็คงไม่ใช่วิสัยของฝ่ายค้าน แต่อยากจะขอว่าแม้ว่าจะเป็นฝ่ายค้านก็ขออย่าทำใจให้มืดบอด มองอะไรไม่ดีไปหมด เพราะประชาชนมองอยู่ อย่าให้เขาต้องเอือมระอากับนักการเมืองที่จ้องจะสร้างภาพ เอาแต่หาเสียงกับประชาชนอย่างเดียว ไม่นึกถึงประเทศชาติ ส่วนรวมเลย” นายเสกสกล กล่าว