นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. มีการประชุมคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุขในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวานนี้ (25 มิ.ย.) และได้รับฟังรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้ ซึ่งที่ประชุมฯ มีความห่วงใยกลุ่มคลัสเตอร์ที่เกิดขึ้นในแคมป์ที่พักคนงานต่างๆ ที่มีการเดินทางจากแคมป์ที่พักอาศัยไปสู่สถานที่ก่อสร้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล รวมถึง 4 จังหวัดภาคใต้ คือ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา จึงได้มีมติให้ปิดแคมป์คนงานเหล่านี้เป็นการชั่วคราว เพื่อระงับการแพร่ระบาด โดยมอบหมายให้กระทรวงแรงงานดูแลค่าใช้จ่าย เงินค่าจ้างชดเชย ให้แก่ลูกจ้างแทนผู้ประกอบการ ในช่วงที่มีการประกาศปิด 1 เดือน แต่คนงานจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่จำกัดไว้ เนื่องจากที่ผ่านมา แคมป์คนงานก่อสร้างเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อที่พิสูจน์ทราบได้
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะเข้าตรวจสอบเช็คชื่อคนงานทุกวัน เพื่อทำบัญชีค่าจ้างร่วมกับตัวแทนนายจ้าง หากลูกจ้างคนใดไม่อยู่ในแคมป์จะพิจารณาเป็นรายไป เพราะการจ่ายค่าจ้างนั้น อยู่ที่นายจ้างต้องรับรองด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานจะประสานกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อลงไปในพื้นที่ และพบกับผู้ประกอบการ เพื่อทำความเข้าใจและชี้แจงมาตรการความช่วยเหลือจากรัฐบาล พร้อมกับขอความร่วมมือในการงดการเคลื่อนย้ายแรงงานทั้งหมด โดยในช่วงที่ปิดแคมป์ กระทรวงแรงงานจะมีมาตรการเยียวยาให้ร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ซึ่งเป็นการชดเชยเยียวยากรณีว่างงาน เพราะเหตุสุดวิสัย เนื่องจากถูกปิดตามคำสั่ง ศบค. ซึ่งเบื้องต้น กระทรวงแรงงานมีแผนที่จะทำรายการจ่ายเงินสดให้คนงานที่แคมป์ทุกๆ 5 วัน ตลอดช่วง 1 เดือน ตามรายชื่อที่นายจ้างรับรองวันต่อวัน ตลอดระยะเวลาที่มีการปิดแคมป์ดังกล่าว ซึ่งกระทรวงแรงงานจะมีระบบตรวจสอบว่าแรงงานที่จะได้รับการเยียวยานั้น จะต้องอยู่ในแคมป์จริง
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะเข้าตรวจสอบเช็คชื่อคนงานทุกวัน เพื่อทำบัญชีค่าจ้างร่วมกับตัวแทนนายจ้าง หากลูกจ้างคนใดไม่อยู่ในแคมป์จะพิจารณาเป็นรายไป เพราะการจ่ายค่าจ้างนั้น อยู่ที่นายจ้างต้องรับรองด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานจะประสานกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อลงไปในพื้นที่ และพบกับผู้ประกอบการ เพื่อทำความเข้าใจและชี้แจงมาตรการความช่วยเหลือจากรัฐบาล พร้อมกับขอความร่วมมือในการงดการเคลื่อนย้ายแรงงานทั้งหมด โดยในช่วงที่ปิดแคมป์ กระทรวงแรงงานจะมีมาตรการเยียวยาให้ร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ซึ่งเป็นการชดเชยเยียวยากรณีว่างงาน เพราะเหตุสุดวิสัย เนื่องจากถูกปิดตามคำสั่ง ศบค. ซึ่งเบื้องต้น กระทรวงแรงงานมีแผนที่จะทำรายการจ่ายเงินสดให้คนงานที่แคมป์ทุกๆ 5 วัน ตลอดช่วง 1 เดือน ตามรายชื่อที่นายจ้างรับรองวันต่อวัน ตลอดระยะเวลาที่มีการปิดแคมป์ดังกล่าว ซึ่งกระทรวงแรงงานจะมีระบบตรวจสอบว่าแรงงานที่จะได้รับการเยียวยานั้น จะต้องอยู่ในแคมป์จริง