“หมอระวี” ซัด พรรคใหญ่แก้ รธน.เพื่อนายทุน ยิ่งทำยิ่งถอยหลังลงคลอง หวังแต่จะซื้อเสียง ย้อนถามเอา 16.8 ล้านเสียงไปทิ้งไว้ที่ไหน ทำไมไม่ถาม ปชช.ก่อนแก้ พร้อมชวนพรรคเล็กกลับบ้านกลางสภา !
วันที่ 23 มิ.ย. 2564 เมื่อเวลา 20.10 น. นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวอภิปรายว่า การเสนอแก้รัฐธรรมนูญปี 60 รายมาตราจากพรรคใหญ่ๆ กลุ่มพรรคมองว่า รัฐธรรมนูญปี 60 ผ่านการทำประชามติมาจากประชาชนมีผู้รับรอง 16.8 ล้านคน ประมาณ 61% ดังนั้น ถ้านักการเมืองคิดจะแก้ไขต้องถามประชาชน 16.8 ล้านเสียงก่อนหรือไม่ ว่า ประชาชนส่วนข้างมากต้องการอย่างไร เขาจะให้แก้หรือไม่ ตนขอถามตรงๆ ว่า ที่พรรคใหญ่ๆ เสนอแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เสนอแก้เพื่อใคร เพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติ หรือเพื่อพรรคของท่านเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ใบเลือกตั้งจาก 1 ใบเป็น 2 ใบ หรือการแก้มาตรา 144
“เมื่อวานนี้ พ.ร.บ.ประชามติผ่านรัฐสภาไปแล้ว พรรคการเมืองทุกพรรคควรจะหันมาร่วมกันเสนอญัตติให้มีการทำประชามติ ถามประชาชนจะดีหรือไม่ ว่า ประชาชนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 หรือไม่
ถ้าประชาชนให้แก้ ประชาชนให้แก้ประเด็นไหน เช่น ประเด็นตั้ง ส.ส.ร.มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่แทนนักการเมืองแก้กันเองจะดีหรือไม่, ประเด็นอำนาจ ส.ว., ประเด็น 1 ใบหรือ 2 ใบ จุดอ่อนที่สุดของการเมืองไทยในปัจจุบัน ผมอยากถามนักการเมืองและประชาชนทุกคนว่าปัจจุบันรัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน หรือเป็นรัฐธรรมนูญของนายทุน” นพ.ระวี กล่าว
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า ในประเด็นการซื้อเสียง ผมขอถามนักการเมืองทุกคนว่า ยอมรับหรือไม่ว่า การเลือกตั้งทุกเขตมีการใช้เงินเกินกฎหมายกำหนด พรรคใหญ่ทุ่มเงินหลักหลายสิบล้านต่อเขตในการซื้อเสียงเข้ามาเป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ แถมเข้ามาแล้ว มาดูถูกพรรคเล็กๆ ว่าเป็นพรรคปัดเศษ พรรคกินกล้วย ทั้งๆ ที่พรรคเล็กๆ เข้ามาได้น้อย เพราะเราไม่มีเงินซื้อเสียงเหมือนพรรคใหญ่ต่างหาก
นพ.ระวี ยังกล่าวต่อว่า ประชาชนต้องการรัฐธรรมนูญที่จะยุติการซื้อเสียงอย่างเด็ดขาด เพื่อให้พรรคที่จนๆ ไม่มีเงินซื้อเสียงเข้าสภาได้ ทุกวันนี้เรามีแต่พรรคของนายทุนพรรค ที่ต้องเข้ามาทำมาหากินถอนทุนคืน แถมเก็บกำไรมหาศาล สำหรับไปซื้อเสียงครั้งต่อไป รัฐธรรมนูญที่กำหนดอย่างชัดเจนว่า พรรคการเมืองใดที่ซื้อเสียง ต้องมีโทษอย่างรุนแรง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถแก้ไข รวมถึงเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 60 คือ การยกเลิกการเลือกตั้งแบบ 2 ใบ และเปลี่ยนมาเป็นหนึ่งใบแบบจัดสรรปันส่วนผสม เพื่อไม่ให้ทุกคะแนนเสียงไม่ตกน้ำ ดังนั้นการเสนอแก้เป็น 2 ใบเป็นการถอยหลังเข้าคลองหรือไม่
“ถ้ารัฐสภาเริ่มจาก ถามประชามติมาก่อน ได้ผลอย่างไรเราก็เสนอญัตติตามนั้น ซึ่งผมเชื่อว่าไม่มี ส.ส.หรือ ส.ว.ใดจะต่อต้านมติของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นอำนาจ ส.ว.หรือ ส.ส.ร.และให้เกิดหลักประกันในการแก้รัฐธรรมนูญต้องกำหนดไว้ด้วยว่า ระหว่างการที่ ส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หรือระหว่างการร่างกฎหมายลูก ถ้าเกิดการยุบสภา ก็ให้กระบวนการต่างๆ ยังคงเดินหน้าต่อตามปกติ เมื่อการแก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกเสร็จ ค่อยเข้ารัฐสภาหน้าได้” นพ.ระวี กล่าว
นพ.ระวี ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนขอเลียนแบบคำพูดท่าน ส.ส.ชาดา ไทยเศรษฐ์ พรรคภูมิใจไทย ที่พูดถึงนายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกุล ว่า “พี่น้องพรรคเล็กประมาณ 20 เสียง และพรรคเล็กๆ หลายสิบพรรค ที่ยังไม่ได้เข้าสภา ถ้าพรรคใหญ่เขาไม่รักรัฐธรรมนูญปี 60 และไม่รักประชาชน 16.8 ล้านเสียงแล้ว พรรคเล็กๆ เราก็กลับบ้านไปหาประชาชน 16.8 ล้านเสียงดีกว่า” สุดท้ายการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ว่ารัฐธรรมนูญและระบบการเลือกตั้งจะเป็นแบบไหนพรรคพลังธรรมใหม่พร้อมทุกรูปแบบ