“ประยุทธ์” ยันรับฟังความเห็น-ข้อกังวล หลายฝ่ายห่วงเปิดประเทศ หวั่นโควิดระลอก 4-เชื้อกลายพันธุ์ แจงทำแซนด์บ็อกซ์เพื่อควบคุม หากมีเหตุแก้ไขได้ทัน แนะ ปชช.เลี่ยงชุมนุม 24 มิ.ย. ห่วงสุ่มเสี่ยงติดเชื้อ
วันนี้ (22 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี กรณีการแพร่ระบาดคลัสเตอร์ใหม่หลายจังหวัด เช่น จ.ยะลา และในพื้นที่ภาคใต้จะมีการทบทวนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ วันที่ 1 ก.ค.นี้ หรือไม่ และจะมีแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นอย่างไร ว่า จากการประชุม ศบค.เมื่อปลายสัปดาห์ที่พูดถึงสถานการณ์โควิดและนโยบายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ซึ่งที่ประชุมมีมติและพูดคุยทั้งเรื่องการพิจารณาหลักการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวภูเก็ตและเกาะต่างๆ ใน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นการตกลงร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ โดยคำนึงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในพื้นที่ คำนึงถึงจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนและความพร้อมด้านสาธารณสุขในพื้นที่เป็นสำคัญ จะมีการดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายอนุชา กล่าวว่า ส่วนแนวทางการเปิดพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากจังหวัดภูเก็ตและเกาะต่างๆ ใน จ.สุราษฎร์ธานี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเป็นผู้พิจารณาเสนอว่าควรจะมีการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยเฉพาะผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ รวมถึงคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อทราบความต้องการที่แท้จริงของพื้นที่ ดังนั้น การพูดคุยทุกๆ ระดับจะต้องหาข้อสรุปให้ได้ก่อนที่จะนำข้อสรุปนั้นมาเสนอให้ ศบค.พิจารณา ซึ่ง ศบค.จะต้องดูเรื่องการปรึกษาหารือในพื้นที่ ที่เห็นพ้องต้องกันด้วย ส่วนเรื่องเกณฑ์การรับนักท่องเที่ยวต้องดำเนินการตามมาตรฐาน เช่น นักท่องเที่ยวต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ของไทยที่กำหนด เป็นต้นรวมถึงมีมาตรการหากมีผู้ติดเชื้อรายวันเท่าไหร่ต้องรีบดำเนินการ หรือมีการกระจายเชื้อไปกี่อำเภออาจต้องทบทวน เป็นต้น
เมื่อถามว่า กรณีเอกสารที่ทาง ศบค.มท. ทำหนังสือแจ้งจัดวัคซีนให้กับบริษัทเอกชน หากมีบริษัทเอกชน จะทำหนังสือขอฉีดยังทำได้อีกหรือไม่ และจะอธิบายอย่างไรเกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนก่อนประชาชนที่จะได้รับการฉีดวัคซีน นายอนุชา กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ชี้แจงไปแล้วเบื้องต้น ซึ่งปัจจุบันมีข้อปฏิบัติที่กำหนดโดย ศบค.มท.อยู่แล้ว คือ องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศไทยที่มีความประสงค์จะขอรับวัคซีนให้กับบุคคลากร สามารถแจ้งความประสงค์ไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และในกรณีองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรในหลายจังหวัดหรือองค์กรระหว่างประเทศ หน่วยงานต่างชาติที่ติดต่อผ่านกระทรวงการต่างประเทศ สามารถแจ้งหนังสือไปยังอธิบดีกรมควบคุมโรค เพื่อขอรับวัคซีนไปฉีดให้บุคลากรในสังกัด โดยหาสถานพยาบาลรองรับการฉีดได้เอง ทั้งนี้เรื่องการฉีดวัคนายกฯได้ให้นโยบายการฉีดแบบปูพรมตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.และมีข้อปฏิบัติอย่างชัดเจนแล้ว
เมื่อถามว่า กรณีมีองค์กรหรือบุคคลบางส่วนแสดงความห่วงใยต่อนโยบายการเปิดประเทศในอีก 120 วัน อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบการรักษาพยาบาล หากทำให้เกิดการระบาดในระลอกที่ 4 และการนำเชื้อกลายพันธุ์ที่อาจทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง นายอนุชา ตอบว่า นี่เป็นสิ่งที่นายกฯรับฟังในความคิดเห็นต่างๆ ที่มีข้อกังวล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่างที่นายกฯเคยให้นโยบายไว้ว่า สิ่งต่างๆ ต้องรักษาสมดุล ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การดูแลสุขภาพ และการดูแลการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงเป็นเหตุผลที่เราเรียกแซนด์บ็อกซ์ เมื่อเรามีเปิดที่ภูเก็ตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ก็จะมีการควบคุมภายในแซนด์บ็อกซ์นั้น ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นที่ต้องมีการดำเนินการแก้ไขปรับปรุง เปลี่ยนแแปลง ก็จะดำเนินการในช่วงนั้น และจะสามารถดำเนินการแก้ไขและมีการปรับเปลี่ยน ในเรื่องของการเปิดประเทศนำร่องในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ โดยใช้แซนด์บ็อกซ์นั้นมาเป็นเหตุผลในการเปิดประเทศจุดอื่นๆเพื่อเป็นข้อระวังด้วย
เมื่อถามว่า ผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นและจำนวนเตียงที่อาจจะมีความกังวล รวมถึงปัญหาการรับส่งผู้ป่วย ตรงนี้มีการดำเนินการเชิงรุกอย่างไรบ้าง นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯมีข้อสั่งการเพิ่มเติมในที่ประชุมวันนี้เรื่องเตียงรองรับผู้ป่วย ถ้าเป็นไปได้อยากให้แต่ละจังหวัดปรับเพิ่มเติม เช่น โรงพยาบาลสนามที่รองรับผู้ป่วยสีเขียว ขอให้ปรับรับผู้ป่วยเกณฑ์สีเหลืองได้ หรือโรงพยาบาลสนามที่รับผู้ป่วยสีเหลือง ขอให้ปรับรับผู้ป่วยในเกณฑ์สีแดงด้วยเช่นเดียวกัน และหน่วยงานต่างๆ หากมีความจำเป็นต้องเพิ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องเอ็กซเรย์ต่างๆ ขอให้เร่งแจ้งความประสงค์มา นายกฯพร้อมพิจารณาให้เป็นการเร่งด่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโรงพยาบาลรองรับผู้ติดเชื้อที่ยังไม่ได้รับการรักษาในทุกสี
เมื่อถามว่า เรื่องการเปิดเทอมจะมีการทบทวนหรือมีมาตรการอย่างไรหรือไม่ หลังพบการแพร่ระบาดในโรงเรียนหลายแห่งในต่างจังหวัด นายอนุชา กล่าวว่า จากที่นายกฯเคยให้นโยบายไปหลังจากที่มีการเปิดเทอมหากพบแล้วมีปัญหาต้องดำเนินการให้สอดคล้อง อาจจะต้องปิดชั่วคราวเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง แต่สถานที่ใดที่เปิดแล้วยังไม่มีปัญหายังสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องตามนโยบายเดิม ฉะนั้นต้องดูเป็นสถานที่ไปและมีการปรับเปลี่ยน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การใช้งบประมาณที่เกี่ยวกับด้านสาธารณสุข จากนี้จะสามารถเปิดเผยให้ประชาชนได้ตรวจสอบได้หรือไม่ อย่างไร นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯ ได้ฝากบอกว่าหากพบหรือมีความสงสัย หรือมีหลักฐานสามารถที่จะร้องทุกข์หรือกล่าวโทษเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบได้ทุกกรณีโดยไม่มีการยกเว้น เพราะฉะนั้นใครที่รับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นส่วนกลางหรือท้องถิ่นหากมีหน่วยงานใดที่เข้าข่ายที่อาจจะทำให้เกิดเรื่องของความไม่ชอบมาพากล ขอให้ประชาชนได้เป็นหูเป็นตาด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้ในเรื่องที่เกี่ยวกับการร้องเรียนเข้ามา ที่ศูนย์ร้องเรียน 1111 ของรัฐบาล ก็ยังได้รับข้อมูลต่างๆ ซึ่งนำไปสู่ การจับกุมและดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงนี้ก็ขอให้ประชาชน ได้ใช้ช่องทางนี้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อที่จะแจ้งข้อมูล แล้วส่งหลักฐานมาได้ ซึ่งนายกฯเอาจริงเอาจังเรื่องนี้มาก เพื่อจะให้ดำเนินคดีอย่างจริงจัง
เมื่อถามถึงกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ตรวจพบว่าอบต.ในจังหวัดสมุทรสาคร จัดซื้อกล้องซีซีทีวีในโรงพยาบาลสนาม 2 แห่ง แพงเกินจริง นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯ ได้แจ้งให้ทุกหน่วยงานดูเรื่องของการทุจริตเป็นสำคัญ หากพบหรือมีการร้องทุกข์ ก็ต้องนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างเข้มข้น ซึ่งกรณีเดียวกันกับการจัดซื้อเสาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าแพงเกินไปหรือมีการทุจริต โดยระบุว่า ต้องดำเนินการในเรื่องของการกระจายอำนาจให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพราะยังมีในส่วนที่ดีๆอีกมากมาย ที่มีการกระจายอำนาจไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และดำเนินการโครงการต่างๆที่เป็นประโยชน์กับประชาชนเพราะฉะนั้นโครงการไหน ที่จะเป็นข้อกังขา หรือ ประชาชนเกิดความไม่สบายใจ ก็สามารถร้องทุกข์ เข้ามาได้ ก็จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนอย่างชัดเจนต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีจะมีการชุมนุมในวันที่ 24 มิ.ย. นายกฯมีความเป็นห่วงหรือไม่ โดยเฉพาะช่วงนี้ยังคงมีการติดเชื้อโควิดรายวันที่ยังคงสูงอยู่ นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯมีความเป็นห่วงประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดในขณะนี้ ก็หวังว่าประชาชนจะได้พิจารณาว่าการออกมาร่วมชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นที่แห่งใดในประเทศก็ตาม อาจจะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ เพราะยังคงมีการแพร่ระบาด มีคลัสเตอร์ต่างๆ อยู่ เพราะฉะนั้นอยากให้ประชาชนพิจารณาด้วยการหลีกเลี่ยงในการที่จะมารวมตัวหรือชุมนุมในลักษณะแบบนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับการชุมนุมถ้ามีการกระทำความผิดหรือดำเนินการชุมนุมในลักษณะต่างๆ ก็ต้องเป็นเรื่องของกฎหมายที่ต้องพิจารณาและดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่ต่อไป