ประธานรัฐสภาตรวจความพร้อมห้องประชุมสภาก่อนประชุมร่วมถกแก้ รธน. เน้นโหวต 13 ร่างรวดเร็ว ยันสภาทำงานได้ ย้ำต้องไม่เป็นที่แพร่โควิด-19 ใน 120 วัน ให้ได้ ระบุแขวนร่างแก้ไข รธน.ม.256 ของฝ่ายค้านไม่มีลับลมคมใน
วันนี้ (21 มิ.ย.) นายชวน หลีกกภัย ประธานรัฐสภา พร้อมด้วยนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เดินทางไปตรวจดูความพร้อมของห้องประชุมพระสุริยันต์ เพื่อเตรียมความพร้อมการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 22 ม.ย.นี้ เนื่องจากต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื่อไวรัสโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข
นายชวน เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 มิ.ย. เป็นการประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น 700 กว่าคน จึงต้องไปดูความพร้อมในห้องประชุม โดยมีการเสริมแท่นประชุมเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ที่ ตรงกลางห้องประชุม และยังคงต้องขอความร่วมมือทุกคนในเรื่องของการสวมหน้ากากป้องกันตลอดเวลาที่อยู่ในอาคาร และขอร้องสมาชิกรัฐสภาว่าผู้ที่ไม่ได้อภิปรายไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องประชุม เพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่น เชื่อว่าสมาชิกให้ความร่วมมือดีอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ได้เตรียมเรื่องของการลงมติในกรณี ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีการประชุมวันที่ 23-24 มิ.ย.รวม 13 ฉบับ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการลงมติด้วยเวลาที่ไม่นานเกินไป โดยยึดระเบียบข้อบังคับโดยเคร่งครัด ซึ่งทุกคนจะต้องพูดทั้ง 13 ฉบับว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยทุกฉบับ จากเดิมในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย จะใช้วิธีว่าเห็นด้วยฉบับที่เท่าไหร่บ้าง ไม่เห็นด้วยฉบับที่เท่าไหร่บ้าง เพราะเกรงว่าคนนับคะแนนจะสับสน จึงต้องยอมเสียเวลา รวมทั้งจะมีระบบในการตรวจสอบบันทึกไว้ด้วย
นายชวน ยังกล่าวถึงกรณีที่มีแม่บ้านสภาติดโควิด-19 ว่าตนได้ย้ำตลอด รวมทั้งในที่ประชุม คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา (กร.) ว่าเราไม่สามารถประมาทโควิด-19 ได้ ดังนั้น เราทุกคนต้องระมัดระวัง เพราะเปิดสภามาแล้วประมาณ 1 เดือน สามารถทำงานได้โดยที่ไม่ได้มีปัญหา สภายังไม่ได้เป็นที่แพร่เชื้อ จึงต้องทำต่อไปให้ครบ 120 วัน จึงขอทุกคนให้เข้มงวดกวดขันและขอความร่วมมือทุกฝ่าย ขออย่าเบื่อ โดยจะเห็นว่าเรื่องการสวมหน้ากากคนร่วมมือ 100 เปอเซ็นต์ ที่มีปัญหาคือเวลามีคนอภิปราย แล้วยังมีคนไปนั่งด้านหลังก็ได้เตือนกัน
นายชวน ยังชี้แจงกรณีที่ไม่บรรจุญัตติแก้ไขรัฐธรรมมาตรา 256 เรื่องการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยืนยันว่าเคารพความเห็นของทุกคน แต่ประธานมีหน้าที่ทำตามข้อบังคับ และกฎหมายโดยเคร่งครัดว่าอะไรที่บรรจุได้ อะไรที่บรรจุไม่ได้ ซึ่งก่อนจะบรรจุระเบียบวาระ สภามีวิธีปฏิบัติอยู่แล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่กลั่นกรอง และกรณีใดที่ต้องการความมั่นใจก็จะประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งความจริงไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่บางคนอาจจะไม่ได้ดั่งใจ จึงออกมาโวยวายหน่อย แต่โดยทั่วไปมีระบบอยู่แล้ว ประธานจะทำเป็นอย่างอื่นไม่ได้
"สมมติว่า ขัดต่อระเบียบและคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญ จะไปทำอย่างอื่นไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ในกติกา กฎเกณฑ์โดยเคร่งครัด โดยสุจริตและเปิดเผยไม่มีอะไรทีเป็นลับลมคมใน และไม่มีใครมายุ่งหรือสั่ง ไม่ว่ารัฐบาลหรือใคร ซึ่งจะเป็นว่าบางครั้งอาจจะมีบางญัตติที่ไม่ตรงใจรัฐบาลด้วยซ้ำ เช่น ญัตติอภิปรายเรื่องการถวายสัตย์ รัฐบาลเห็นว่าไม่ควรบรจุ แต่ผมก็บรรจุ เพราะเห็นว่าเรื่อนี้เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัย เป็นแค่ให้ความเห็นเท่านั้น ดังนั้น ยืนยันทุกอย่างตรงไปตรงมา ขอย้ำว่าประธานไม่มีสิทธิทำอะไรที่ละเมิดกฎเกณฑ์ ส่วนญัตติดังกล่าวถือว่าตกไปหรือไม่ยังไม่วินิจฉัยในเรื่องนี้"