จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบ “เทพมนตรี” ระบุชัด 6 เหตุผล “แก๊งล้มเจ้า” แพ้ภัยตัวเอง “อาจารย์ 3 นิ้ว” ยึดหลักกู อ้างไม่ควรมีใครถูกฟ้อง 112 ถ้า “สยามไบโอไซเอนซ์” เป็นเอกชน “โบว์” ชี้ โทษตบหน้า ปธน.ฝรั่งเศส “คุ้มครองประมุข”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (12 มิ.ย. 64) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“ประเทศไทยต้องมีพระเจ้าอยู่หัว
โคกหนองนา อันมีแนวคิดมาจากพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ ๙ ถ้าใครไม่ได้ลงมือทำ อย่าเที่ยวริออกมาพูดแสดงความโง่ ข้าพเจ้าเอือมระอ่ากับคนพวกนี้ พวกเหลือขอ เป็นแค่ตัวประกอบของจำนวนประชากรในประเทศนี้
บางทีข้าพเจ้านึกขบขันกับคนพวกนี้ มันเพียรพยายามจะล้มเจ้าให้ได้ แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้ภัยตัวเอง เพราะ
1. จิตไม่บริสุทธิ์ หาข้ออ้างแค่ดูดีแต่เลอะเทอะ
2. ทำเพื่อพวกพ้องเพื่อผลประโยชน์ตนเอง ตกอยู่ใต้อิทธิพลทางการเมือง ยอมเป็นเครื่องมือ รับอมิสสินจ้างในรูปแบบต่างๆ เช่น การรับบริจาค หรือแบมือขอความช่วยเหลือ
3. ในทางวิชาการ ก็ไปอ้างอิงนักวิชาการที่ผิดเพี้ยน ขี้ขลาดตาขาว เป็นเจ้าลัทธิที่ชอบบูชายัญเด็ก ลักปิดลักเปิดไม่รู้ตัวว่าชีวิตต้องการอะไร ภาพจำที่นักวิชาการเหล่านั้นมอบให้ หล่อหลอมให้ มันกลับกลายเป็นความเท็จหรือความจริงเพียงครึ่งเดียว เมื่อหลงเชื่อจึงพากันลงเหว
4. ไม่รู้จักประมาณตน คิดว่าโลกโซเชียลเป็นอาณาจักรของตนเอง ใครจะเข้ามาท้าทายไม่ได้ กุเรื่องโกหก สร้างเฟกนิวส์ คิดว่าคนอื่นอยู่ในกะลา แต่แท้ที่จริงคนพวกนี้เป็นพวกบ้าบอกะลาแตก แค่เขาใช้อาวุธทางปัญญาตอบโต้ก็เงียบกริบเป็นเป่าสาก
5. พวกนี้อยู่ในสังคมบันเทิง ตั้งแต่เจ้าลัทธิ นักวิชาการ ที่ใช้ความสุขทุกรูปแบบเข้าแลก กินขี้ปี้นอน เป็นเรื่องธรรมชาติ ฟุ้งเฟ้อแต่เรื่องจินตนาการ ทำให้เหล่าสาวกหลงเสพติดในภาพมายา ใช้เงินใช้โอกาสปรนเปรอสนองความต้องการของเด็กและเยาวชน เช่น การยกย่องเกินจริง หรือการยกระดับให้เด็กได้เก่งเกินกว่าอายุ แต่ไม่มีวันเก่งไปกว่าเจ้าลัทธิ เด็กเยาวชนกลายเป็นเหยื่อสนองตอบทุกรูปแบบจนยอมทำผิดกฎหมาย ติดคุกแดกข้าวแดง
6. คนพวกนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ชอบยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอดีตของประเทศต่างๆ เพื่อปลุกเร้าความเชื่อและสิ่งที่ตั้งใจ โดยไม่มีวันกระทำได้สำเร็จ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมประนีประนอม คิดจะเปลี่ยนระบอบการปกครองให้เป็นเสรีนิยมสาธารณรัฐมันจึงเป็นไปไม่ได้ และพวกเขาจะไม่ได้เห็นในชีวิตนี้ ตั้งแต่เจ้าลัทธิจนถึงเหล่าสาวก
ทั้ง 6 ข้อนี้ ทำให้ข้าพเจ้าสบายใจ
ประเทศไทยต้องมีพระเจ้าอยู่หัวครับ”
ขณะเดียวกัน นายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ กลุ่มนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” ได้โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ว่า
“จากคำชี้แจงของผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ สรุปว่า บริษัท Siam Bioscience มีฐานะเป็นเพียงบริษัทเอกชน รับจ้างผลิต ไม่ได้มีฐานะพิเศษใดๆ- ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ควรมีใครถูกฟ้อง 112 จากการตั้งคำถามถึงการทำงานของ SBS รวมถึงการวิจารณ์นโยบายวัคซีนของรัฐด้วย #วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า”
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ จากการที่เขาออกมาวิจารณ์เรื่องการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของรัฐบาลทางเฟซบุ๊กไลฟ์ในหัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน : ใครได้ใครเสีย?” เมื่อ 18 ม.ค. 2564 ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนใกล้สรุปสำนวนการสอบสวนและเสนอความเห็นส่งอัยการเพื่อมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องในคดีแล้ว...
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส เป็นประมุขแห่งรัฐด้วย!?! โบว์เฉลยทำไม ตบหน้าปธน.ฝรั่งเศส คุกถึง 18 เดือน เผยใช้กม.ทำร้ายเจ้าพนักงาน มาครงไม่ได้ฟ้องเอง
#โบว์ #ปธน.ฝรั่งเศส #มาครง
โดยสาระสำคัญจาก TRUTHFORYOU.CO ระบุว่า
“จากกรณีชายคนหนึ่ง ก่อเหตุตบหน้าประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง และมีเสียงตะโกนว่า “ระบอบมาครงจงล่มสลาย” ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะกันตัวประธานาธิบดีออกไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น
ต่อมา มีรายงานว่า ดาเมียน ตาเรล ชายวัย 28 ปี ผู้คลั่งไคล้ประวัติศาสตร์ยุคกลาง โดนควบคุมตัวไว้นับตั้งแต่ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่จังหวัดโดรม ซึ่งอัยการอเล็กซ์ เปรอง กล่าวต่อศาลเมืองวาลองซ์เมื่อวันพฤหัสบดีว่า เป็นการกระทำที่ “ไม่อาจยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง” และเป็น “การใช้ความรุนแรงโดยเจตนา” และขอให้ศาลลงโทษจำคุกเขา 18 เดือน ตามฐานความผิดนั้น ชายหนุ่มผู้นี้เสี่ยงต่อการโดนลงโทษจำคุก 3 ปีและปรับอีก 45,000 ยูโร (ราว 1.7 ล้านบาท)
“ในคำตัดสินของศาลภายหลังการไต่สวนอย่างรวดเร็ว ผู้พิพากษาลงโทษเขาตามที่อัยการเสนอ คือจำคุก 18 เดือน แต่โทษ 14 เดือนให้รอลงอาญา ภายหลังคำพิพากษา เขาถูกจับกุมและส่งเข้าคุกเพื่อเริ่มรับโทษทันทีตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป
หนุ่มผู้คลั่งไคล้บอร์ดเกมและประวัติศาสตร์ยุคกลางผู้นี้กล่าวกับพนักงานสอบสวนว่า ที่เขาทำลงไปนั้นเกิดด้วยสัญชาตญาณและไม่ทันยั้งคิด เหตุการณ์นี้เกิดระหว่างที่เขามารอดูผู้นำฝรั่งเศสเยี่ยมชมโรงเรียนในหมู่บ้าน Tain-l’Hermitage แล้วมาครงเดินทางทักทายประชาชนที่ยืนดูอยู่หลังแผงเหล็ก โดยมาจับมือทักทายเขา”
ล่าสุด วันนี้ (12 มิถุนายน 2564) น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” นักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง และอดีตแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจว่า
“สองวันหลังเกิดเหตุ ศาลฝรั่งเศสสั่งลงโทษจำคุกชายที่ตบหน้าประธานาธิบดี มาครง 18 เดือน ขังทันที 4 เดือน อีก 14 เดือนรอลงอาญาหากมีการกระทำผิดอีก (ข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงาน)
กฎหมายคุ้มครองตำแหน่งประมุขของประเทศ ไม่ใช่คุ้มครองตัวบุคคลที่ชื่อมาครง โทษหนักกว่าคนธรรมดาที่ตบกันเฉี่ยวๆ แบบนี้หลายเท่า
ข้อหาครั้งนี้ใช้กฎหมายทำร้ายเจ้าพนักงาน (เป็นโทษอาญา มาครงไม่ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีเอง) ที่ไทยถ้าตามเหตุการณ์ประมาณนี้แต่เป็นคนธรรมดาด้วยกันมักถูกปรับที่โรงพัก”
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์วิกิพีเดีย เผยแพร่เกี่ยวกับตำแหน่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่า เป็นตำแหน่งสูงสุดฝ่ายอำนาจบริหารของประเทศฝรั่งเศส โดยมาจากการเลือกตั้ง และดำรงตำแหน่งเป็นทั้งประมุขแห่งรัฐ จอมทัพ ผู้รับรองรัฐธรรมนูญ และผู้ปกครองร่วมแห่งอันดอร์รา โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบันคือ แอมานุแอล มาครง ซึ่งเข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560...
แน่นอน, โพสต์ที่ยกมาให้เห็นทั้งหมด มีความเกี่ยวข้องกันทุกเรื่อง
นับแต่ 6 เหตุผล ที่อาจารย์เทพมนตรี เชื่อว่า กลุ่มคนที่ต้องการล้มสถาบันฯ จะต้องแพ้ภัยตัวเองในที่สุด ก็นับว่าน่าคิด น่าติดตามอย่างมาก เพราะพฤติกรรมของกลุ่มคนหลายส่วนที่สนับสนุนส่งเสริมซึ่งกันและกัน โดยมี ม็อบคณะราษฎร 2563 ออกหน้าเคลื่อนไหวเรียกร้อง 3 ข้อ และข้อสำคัญก็คือ “ปฏิรูปสถาบัน” และ 10 ข้อในการปฏิรูปสถาบัน ก็ล้วนแต่จำกัดบทบาทของพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่ในฐานะประมุขของประเทศทั้งสิ้น รวมทั้ง ข้อที่ให้ยกเลิก ม.112 ก็เท่ากับ เปิดช่องให้มีการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันได้โดยง่าย ไม่ต่างกับคนธรรมดาสามัญ
ส่วนคนที่ส่งเสริมสนับสนุน ก็มีทั้งนักการเมืองสายแค้น และคลั่งลัทธิปฏิวัติฝรั่งเศส นักวิชาการซ้ายสุดโต่ง กลุ่มขบวนการผู้ลี้ภัยล้มเจ้า กลุ่มนักแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง กลุ่มอำนาจเก่า ที่ต้องการกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ฯลฯ
จึงเชื่อมโยงมาสู่ประเด็นที่สอง กรณี “อาจารย์ 3 นิ้ว” นำเสนอความเห็นที่ดูเหมือนเป็น “หลักกู” มากกว่า “หลักการ” ในการวิเคราะห์ว่า มีเหตุใดบ้างที่เข้าข่ายถูกฟ้องข้อหาตาม ป.อาญา ม.112
แล้วก็รวบยอดเอาเองว่า “...กรณีบริษัท Siam Bioscience มีฐานะเป็นเพียงบริษัทเอกชน รับจ้างผลิต ไม่ได้มีฐานะพิเศษใดๆ- ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ควรมีใครถูกฟ้อง 112...” นี่หรือ “กึ๋น” ของคนที่ได้ชื่อว่า “อาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดัง” และเป็นอาจารย์สอนเกี่ยวกับการเมืองด้วย
ประเด็นที่เขาฟ้อง นายธนาธร ซึ่งถือว่าอยู่ฝ่ายเดียวกับอาจารย์ 3 นิ้ว เขาฟ้องข้อหา “หมิ่นสถาบัน” ตาม ม.112 ด้วยคำพูดพาดพิง ส่อเสียดไปในทางใส่ร้ายหรือไม่ ซึ่งว่าไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าไม่ผิดก็คือไม่ผิด ถ้าผิดก็ต้องรับโทษ
เรื่องจึงโยงมาถึงประเด็น ตบหน้า “ประธานาธิบดีมาครง” ที่ “โบว์” ชี้ประเด็นว่า “...กฎหมายคุ้มครองตำแหน่งประมุขของประเทศ ไม่ใช่คุ้มครองตัวบุคคลที่ชื่อมาครง โทษหนักกว่าคนธรรมดาที่ตบกันเฉี่ยวๆแบบนี้หลายเท่า...”
กรณีนี้ ถ้าเป็นไทย ก็คือ กฎหมาย อาญา ม.112 นั่นเอง แล้วที่น่าสนใจไปกว่านั้น เขาถือว่า เป็นเหตุร้ายแรงมาก และศาลก็พิพากษาอย่างรวดเร็ว และลงโทษทันที
เห็นหรือยังว่า ม.112 สำคัญแค่ไหน และประเทศฝรั่งเศสที่นักการเมืองบางคนคลั่งสุดลิ่มทิ่มประตู เขาก็มีกฎหมายเอาผิดคนที่ทำผิดต่อ “ประมุข” ของเขา ไม่น้อยไปกว่าไทย
แล้วไหนบอกว่า หลายประเทศในโลกไม่มีกฎหมายประเภทนี้ โดยเฉพาะประเทศที่เจริญแล้ว แสดงว่า ฝรั่งเศสยังไม่เจริญอย่างนั้นหรือ? แสดงว่า ที่ยกเอาข้อดี “ปฏิวัติฝรั่งเศส” มาพูดเพียงครึ่งเดียว ก็เพื่อ “จงใจ” ที่จะหลอกคนไทย เพื่อต้องการล้มสถาบันเท่านั้นใช่หรือไม่
เหนืออื่นใด นี่คือ “ความจริง” ที่ไม่ต้องไปตามไล่ล่าที่ไหน มันมาของมันเองตามกรรมอยู่แล้ว โดยเฉพาะโลกยุคสังคมออนไลน์เช่นนี้ กรรมมันก็ย่อมออนไลน์เช่นกัน