รองโฆษกพรรคกล้า อภิปรายนอกสภาฯ กู้ 5 แสนล้าน เทียบบทเรียนกู้ 1 ล้านล้านบาท ปีที่แล้ว แผนงาน สธ. ป้องกันโควิด-19 วงเงิน 45,000 ล้านบาท เบิกจ่ายจริงแค่ 9,545 ล้านบาท ขอรัฐบาลวางแผนดีๆ กู้ครั้งใหม่ต้องใช้ให้ตรงจุด เหตุหนี้สาธารณะเฉียดทะลุเพดานแล้ว
วันนี้ (9 มิ.ย.) นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม รองโฆษกพรรคกล้า อภิปรายนอกสภาฯ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม 500,000 ล้านบาท ว่า หากกู้เพิ่มอีก 500,000 ล้านบาท สำนักบริหารหนี้สาธารณะ ระบุว่า หนี้สาธารณะจะอยู่ที่ร้อยละ 58.56 ของ GDP หรือ 9.16 ล้านล้านบาท เหลือแค่ร้อยละ 1.44 ก็จะแตะเพดานหนี้สาธารณะที่ร้อยละ 60 ของ GDP แล้ว ดังนั้น การกู้เงินเพิ่มเติมรอบนี้ ต้องเบิกจ่ายให้รวดเร็วเป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้จ่ายให้มากที่สุด
นายแสนยากรณ์ ยังเปรียบเทียบกับ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ที่สภาฯ เห็นชอบเมื่อกลางปีที่แล้วว่า เว็บไซต์ http://thaime.nesdc.go.th/#Summary รายงานว่า แผนงานช่วยเหลือ เยียวยา ชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ วงเงิน 685,000 ล้านบาท ผลเบิกจ่าย 607,190.05 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 88.64 ของวงเงินแผนงาน แต่แผนงานเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 270,000 ล้านบาท ผลเบิกจ่าย 70,294.36 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.03 ของวงเงินแผนงาน แล้วยิ่งแผนงานทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดโควิด-19 วงเงิน 45,000 ล้านบาท แต่ผลเบิกจ่ายเพียง 9,545.64 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.21 ของวงเงินแผนงานเท่านั้น
“ผ่านเวลาไป 1 ปีแล้ว แต่การเบิกจ่ายเงินกู้ด้านสาธารณสุขยังล่าช้า ไม่สมกับที่ต้องออกมาเป็นพระราชกำหนดเลย พร้อมข้อสังเกตว่าการเบิกจ่ายล่าช้า เกี่ยวข้องกับปัญหาจัดซื้อวัคซีน หรือปัญหาค้างจ่ายเบี้ยเสี่ยงภัยโควิด-19 ให้บุคลากรด้านสาธารณสุขด้วยหรือไม่ จึงฝากว่าการกู้ 500,000 ล้านบาทครั้งนี้ ต้องกำหนด แผนให้ชัดเจนว่าจะนำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ลดขั้นตอนการเบิกจ่ายตามความจำเป็นเร่งด่วน อย่าติดกับดักระบบราชการหลัง หากเทียบเป็นกระสุนแล้ว ยิงต้องตรงเข้าเป้า เพราะครั้งนี้คือการกู้ไม้สุดท้ายแล้ว ถ้ายังยิงไม่ตรงเป้า แล้วต้องกู้เพิ่มอีก คงทะลุเพดานหนี้สาธารณะ เป็นหนี้ท่วมประเทศ” รองโฆษกกล้า กล่าว