xs
xsm
sm
md
lg

เพจ “ศักดิ์ เจียม” แหล่งละเมิดสถาบัน “ดร.นิว” ยกเด็ก 14 หมิ่นเบื้องสูง เข้าทาง “สามกีบ” ชัด! “กวิ้น” ดื้อ แม่ให้ท้าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ศาสดาหมิ่นสถาบัน จากแฟ้ม
นอกจากจะเป็น “ศาสดาลวงโลก” แล้ว เพจ “ศักดิ์ เจียม” ยังเป็นแหล่งละเมิดสถาบันของสามกีบ หลังพบกว่า 40 ราย โดนคดี 112 “ดร.นิว” เตือนเข้ม กรณีเด็ก 14 หมิ่นเบื้องสูง เข้าทาง “สามกีบ” ชัดยิ่งกว่าชัด “กวิ้น” ดื้อ แม่ให้ท้าย

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (1 พ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ข้อความระบุว่า
“จากกรณีวันนี้ (1 มิถุนายน 2564) เวลา 11.00 น. ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) เข้าแจ้งความกล่าวโทษร้องทุกข์ กับผู้ที่กระทำความผิดตามมาตรา 112 ที่ ปอท. โดยบอกว่า กองทัพมินเนี่ยนปกป้องสถาบัน ร่วมกับ ศชอ. เข้าแจ้งความเอาผิดกับคนจาบจ้วงสถาบันตาม #มาตรา112 ที่ ปอท. เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา / ล็อตนี้ 42 คน มาจากเพจ สศจ. ในกลุ่มนี้รวม ดร.คนดังพ่วงไปด้วย ล็อต 2 / 3 / 4 ฯลฯ จะทยอยตามมาเรื่อยๆ

ภาพ กลุ่มปกป้องสถาบัน เข้าแจ้งความกับผู้ทำผิด ม.112 ขอบคุณภาพจาก truthforyou.co
ทั้งนี้ ทางด้าน ศชอ.ได้ออกมาเปิดเผยว่า คนที่ถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 นั้น มาจากเพจของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ซึ่งหลายคนมองว่า เป็นศาสดาลวงโลก เจ้าแห่ง Fake Nesws ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยปั่นกระแสข่าวปลอมให้พวกสามกีบ นำไปขยายผลต่อและจาบจ้วงสถาบันมาหลายต่อหลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ก็ได้มีกรณีของ ดร.โสภณ พรโชคชัย ที่โพสต์ข้อความหมิ่นเหม่ไปในทางที่เหมือนกับเป็นการจาบจ้วงสถาบันฯ ซึ่งถูกแจ้งความข้อหาความผิด ม.112 ในครั้งนี้ด้วย

โดยแอดมินเจน ผู้ดูแล “เพจเชียร์ลุง” และ นางแน่งน้อย (สงวนนามสกุล) ตัวแทน ศชอ. (ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์) เดินทางมาเข้าพบ พ.ต.อ.ทองศูนย์ อุ่นวงศ์ ร.ต.อ หญิง ณัฐชยา วงศ์รุจิไพโรจน์ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.เพื่อแจ้งความกับคนที่เข้าไปคอมเม้นต์ในลักษณะล่วงละเมิดสถาบันฯ ที่ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เจ้าของเฟซบุ๊ก บัญชี Somsak Jeamteerasakul 41 ราย ให้ บก.ปอม.ดำเนินคดีในความผิดตาม ม.112 เบื้องต้น รอง ผบก.ปอท.รับมอบหลักฐานการโพสต์ที่นำมาให้เพื่อตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อ่านต่อได้ที่ลิงก์ : https://truthforyou.co/50890/?anm

ภาพ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ ข้อความระบุว่า

“สังคมควรตื่นตัวกับกรณีที่มีเด็กอายุ 14 ปี โดนคดี ม.112 โดยเฉพาะผู้ปกครองทั้งหลาย เพราะช่องว่างในครอบครัวของท่านกำลังถูกแทรกแซงผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ บุตรหลานของท่านกำลังถูกขบวนการปั่นกระแสโซเชียลมีเดีย ป้อนข้อมูลบิดเบือนและปลูกฝังความเกลียดชังให้อาฆาตมาดร้าย แล้วตกเป็นเครื่องมือในการออกหน้าโจมตีสถาบันฯ อย่างผิดกฎหมายแทนพวกเขา ขนาดบนดินเขายังกล้ายุยงปลุกปั่นสารพัด เคยปลุกระดมให้ลูกคนอื่นแต่งชุดอยู่บ้านไปโรงเรียน ในขณะที่ลูกๆ ของเขาแต่งชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนอินเตอร์อย่างเคร่งครัด แล้วทำไมใต้ดินเขาจะไม่กล้าทำอะไรชั่วๆ อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อหลอกใช้คนรุ่นใหม่ที่ไม่ใช่ลูกของเขาอย่างอำมหิต เป็นเครื่องมือโจมตีสถาบันฯ แล้วเมื่อเป็นคดีความหรือติดคุกติดตะรางก็โยนบาปให้ ม.112 ซ้ำอีก ทั้งๆ ที่เครือข่ายสามเหลี่ยมนรกของเขาคือต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาทั้งหมด”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ข้อความระบุว่า

“จากกรณีที่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ได้ออกมาเคลื่อนไหวหลังจากที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยโพสต์ข้อความว่า ด้วยสาส์นแรกแห่งอิสรภาพ ต่อมาทางกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. ได้เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรณีให้ถอดถอนการประกันตัว เพนกวิน ไผ่ ดาวดิน สมยศ โดยมีผู้อำนวยการ สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา เป็นตัวแทนผู้มารับหนังสือ

ภาพ แม่เพกวิน และเพนกวิน - พริษฐ์ ชีวารักษ์ ขอบคุณภาพจาก truthforyou.co
ล่าสุด วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชาดาภิเษก นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของเพนกวิน -พริษฐ์ ได้เดินทางมาร่วมให้กำลังใจกับมารดาของไมค์ ภาณุพงศ์ และนายอานนท์ด้วย โดยเจ้าตัวกล่าวว่า วันนี้เดินทางมาเพื่อให้กำลังใจกับแม่ๆ ที่รอผลการไต่สวนจากศาล คาดว่า วันนี้จะต้องได้รับข่าวดี เพราะศาลไม่น่าจะมีเหตุให้ไม่ประกันตัวแล้ว เพราะทั้งหมดได้รับการรักษาและกักตัวจากการป่วยโควิด-19 ถึงเวลาที่จะได้ออกมาจากเรือนจำแล้ว

ซึ่งในประเด็นที่ลูกชายของตนได้มีการออกมาเคลื่อนไหวทางการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และการร่วมทำกิจกรรมยืนหยุดขังที่หน้าศาลฎีกาที่ผ่านมา หลังจากนั้น แม่และพ่อ ได้รับหมายเชิญจากศาลให้มาพูดคุยถึงเงื่อนไขการปล่อยตัวของนายพริษฐ์ ว่าละเมิดเงื่อนไขหรือไม่ นางสุรีย์รัตน์ เอง เชื่อว่า ทั้งจากการโพสต์ และการออกมาทำกิจกรรมเพนกวินไม่ได้ละเมิดเงื่อนไขใดของศาล จึงอยากฝากไปถึงคนที่มายื่นคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว ว่า ขอให้กลับไปอ่านเงื่อนไขที่ศาลได้ระบุให้ชัดเจน อ่านภาษาไทยให้แตก การที่มายื่นขอคัดค้านประกันตัวเป็นเรื่องที่ทำให้คนอื่นต้องเสียเวลา
อ่านต่อได้ที่ลิงก์ : https://truthforyou.co/50865/?anm

และ จากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH เช่นกัน โพสต์ข้อความระบุว่า

“ชัดเจน! ผู้นำเม็กซิโก ถลกสหรัฐฯ ฟาดเงิน NGO จุ้นเรื่องภายในประเทศ ยกเทียบไทย หนุนม็อบ บ่อนทำลายชาติพาดพิงสถาบัน?
#ผู้นำเม็กซิโก #ถลกสหรัฐฯ #ฟาดเงินNGO

โดยเนื้อหาจาก truthforyou.co ระบุว่า “จากกรณีของการทำงานและที่มาของเงิน ที่ NGO ได้รับถูกเปิดเผยชัดขึ้นมาทุกที ซึ่งสร้างความฮือฮาไม่น้อย เพราะเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยตัวเลขที่ค่อนข้างชัดเจน และมีหลักฐานยืนยัน หลายคนให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของ NGO สงสัยว่าถูกใบสั่งมาทำงานหรือไม่ ซึ่งจะเห็นได้ชัดๆ ก็มักเป็นกลุ่มที่ต่อต้าน เรียกร้องทางการเมือง หรืออ้างงานด้านสังคม สิ่งแวดล้อมเป็นหลัก หากย้อนกลับไปดูกิจกรรมที่คนกลุ่มนี้ทำ จะพบว่ากิจกรรมส่วนใหญ่หากไม่โจมตีรัฐบาลก็โจมตีองค์กรใดองค์หนึ่งที่มีผลกระทบต่อประเทศค่อนข้างมาก

ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ประธานาธิบดี อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ แห่งเม็กซิโก ระบุว่า การที่สหรัฐฯให้เงินทุนสนับสนุนกลุ่มเอ็นจีโอต่อต้านคอร์รัปชันที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของเขา เทียบเท่ากับเป็นการ “แทรกแซงกิจการภายในประเทศ” พวกเขาไม่มีเหตุผลที่ต้องมอบเงินให้แก่องค์กรเหล่านี้ มันคือการแทรกแซงชีวิตสาธารณะในประเทศของเรา และเม็กซิโกเป็นประเทศเอกราช เป็นประเทศอิสระและเป็นประเทศอธิปไตย”

โลเปซ โอบราดอร์ เคยเผยเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ได้ร้องขอให้สหรัฐฯยืนยันว่า พวกเขาได้มอบเงินจำนวน 1.8 ล้านดอลลาร์ แก่กลุ่มต่อต้านคอร์รัปชันเม็กซิกัน (Mexicans Against Corruption) องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรหรือองค์กรนอกภาครัฐ (non-governmental organisation - NGOs) นับตั้งแต่ปี 2018 จริงหรือไม่
ผู้นำเม็กซิโก ได้เปิดเผยอีกว่า จนถึงบัดนี้เขายังไม่ได้รับคำตอบจากอเมริกา

ภาพ ประธานาธิบดี อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ขอบคุณภาพจาก truthforyou.co
โลเปซ โอบราดอร์ กล่าวหาเอ็นจีโอดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับบรรดาพรรคฝ่ายค้าน ที่กำลังหาทางครองเสียงข้างมากในสภาล่าง ในศึกเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ (6 มิ.ย.)

“ถ้าใครที่ได้รับเงินเหล่านี้มีพฤติกรรมมีความรู้สึกนึกคิดทางจริยธรรม ตอนนี้พวกเขาคงออกมาพูดแล้วว่า พวกเขาจะปรับเปลี่ยนตัวเอง พวกเขาจะไม่ยอมรับการสนับสนุนทางการเงินนี้อีกแล้ว แต่ไม่มีเลย” เขากล่าว
กลุ่มต่อต้านคอร์รัปชันเม็กซิกัน ออกมาปกป้องภารกิจของพวกเขาจากเสียงวิจารณ์ของโลเปซ โอบราดอร์ โดยยืนกรานว่า มันมีความชอบธรรมทางกฎหมายอย่างที่สุด

เช่นเดียวกับในประเทศไทย ที่ NGO ได้เข้ามาแทรกแซงหลายครั้ง โดยเฉพาะจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มคณะราษฎรและกลุ่มเยาวชนปลดแอก ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า คอยอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของม็อบ ให้เงินสนับสนุนในการเคลื่อนไหวโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย”

แน่นอน, มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ นับแต่เป็นที่ทราบกันดีมาตลอดว่า เพจเฟซบุ๊ก นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เป็นที่ชุมนุมของกลุ่มคนที่ละเมิดสถาบันอย่างชัดแจ้ง โดยส่วนใหญ่ นายสมศักดิ์ จะเป็นคนหาข้อมูล และ สร้างประเด็นขึ้นมา ให้สาวกเข้าไปแสดงความคิดเห็น และประเด็นที่ถูกสร้างขึ้นมา ส่วนใหญ่พิสูจน์ไม่ได้ว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงไม่แปลกที่ประเด็นแสดงความเห็นในเพจสมศักดิ์ เจียม จะเข้าข่ายผิด ม.112

ดังนั้น การเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ของ กลุ่มปกป้องสถาบันฯ จึงถือว่า ยังช้าไปด้วยซ้ำ แต่ก็ยังไม่สายจนเกินไป

ส่วน ประเด็นที่ “ดร.นิว” หยิบยกขึ้นมา กรณีเด็ก 14 หมิ่นสถาบันฯ จนถูกดำเนินคดี ม.112 มีสองด้านอย่างที่ ดร.นิว ชี้ให้เห็น คือ ด้านหนึ่ง ฝ่ายเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ และยกเลิก ม.112 จะใช้กรณีนี้ตอกย้ำความน่าเศร้าที่มีการนำกฎหมายปกป้องสถาบัน มาใช้เอาผิดกับเด็ก และอาจทำให้เด็กเสียอนาคตได้ ถ้าหากถูกพิพากษาว่ามีความผิด โดยที่ไม่พูดถึง เด็กพวกนี้ถูกปลุกระดมอย่างไร จึงกล้าที่จะทำผิดคดีใหญ่ ต่อสถาบันขนาดนี้

อีกด้านหนึ่ง สะท้อนให้เห็น การปลุกระดมของพวก 3 นิ้ว ว่า สามารถทำให้เด็กที่มีอายุแค่ 14 ปี ก็สามารถทำผิด ม.112 ได้แล้ว นั่นแสดงว่า เขาสามารถใส่ความคิดบิดเบือนเกี่ยวกับสถาบันเข้าไปในเด็กได้แล้ว และได้ผลอีกด้วย

นับเป็นเรื่องที่สังคมไทยจะต้องครุ่นคิดกันให้มากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าต้องการที่จะปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกเขา แค่นั้น หรือไม่

ประเด็นที่สาม เรื่อง NGOs ที่พักหลัง มีบางองค์กรถูกจับตามองอย่างมาก โดยเฉพาะที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง และสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมือง ว่า รับเงินต่างประเทศมาเคลื่อนไหว เพื่อให้ต่างประเทศแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย หรือไม่

กระทั่งประธานาธิบดี อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ แห่งเม็กซิโก ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ จึงทำให้ภาพที่หลายคนตั้งคำถามอยู่ก่อน เริ่มชัดเจนขึ้น และต่อให้ปฏิเสธก็ยากปฏิเสธได้

ยิ่งก่อนหน้านี้ NGOs บางองค์กร ก็ไม่ปฏิเสธว่า รับเงินจากต่างประเทศหลายองค์กร ทั้งที่เป็นเอกชน และรัฐบาล ในรูปขององค์กรผู้ให้ทุนสนับสนุน เพื่อทำงานด้านสิทธิมนุษยชน และเสริมสร้างประชาธิปไตย ยิ่งทำให้เรื่องนี้มีคำตอบในตัวของมันเองไปแล้ว

ที่สำคัญ ทั้ง 3 ประเด็น คือ ภาพสะท้อนของการต่อสู้เรียกร้อง “ปฏิรูปสถาบัน” และยกเลิก ม.112 จนนำมาสู่การละเมิดสถาบันฯ นำมาสู้การทำผิด ม.112 ซึ่งแกนนำ 3 นิ้วถูกฟ้องศาลไปแล้วหลายคน มีหลายคนกำลังถูกทยอยฟ้องศาล และหลายคนถูกแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว สุดท้ายคือ การพูดถึงขบวนการ “อีแอบ” อยู่เบื้องหลัง และทำให้เห็นว่า “อีแอบ” ที่ใหญ่ที่สุดคือใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน และไม่แต่ประเทศไทยเท่านั้นที่เป็นข้อเปรียบเทียบได้ดี

เหนืออื่นใด ยังสะท้อนด้วยว่า เรากำลังต่อสู้กับอะไร ที่ไม่ใช่แค่ “อีแอบปัญญาอ่อน” เท่านั้น?


กำลังโหลดความคิดเห็น