สภาฯเดินหน้าประชุมร่าง พ.ร.บ.งบฯ วันที่สอง ส.ส.เพื่อไทย อัดนายกฯ ตระบัดสัตย์หลอกลวงประชาชน จี้ลาออก เปิดทางสภาเลือกคนใหม่ ซัดทำงบแบบศรีธนญชัย ชูนโยบายมารดาประชารัฐหาเสียง แต่เงียบกริบ แถมตัดงบสังคมสงเคราะห์ถึงแสนล้าน ลดลงจากปี 2564 เกือบ 20%
วันนี้ (1 มิ.ย.) การประชุมสภาผู้แทนราฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในวาระ 1 วงเงิน 3,100,000 ล้านบาท วันที่สอง
นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ว่า รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศไว้ 6 ด้าน ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ล้มเหลวอยู่ในฝันของกลุ่มควบคุมอำนาจ โดยไม่ได้สนใจปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งงบประมาณที่ส่งเข้ามาให้สภาฯพิจารณาในวันนี้ไม่ได้ตอบโจทย์ความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะงบประมาณที่ดูแลกลุ่มเปราะบางทางสังคม และผู้ดอยโอกาส ซึ่งในงบประมาณปี 2565 กลุ่มเปราะบางไม่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรการการคุ้มครองทางสังคม อีกทั้งประชาชนไม่สามารถเข้าถึงการบริการทางการแพทย์อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ในสถานการณ์วิกฤตโควิดในประเทศไทยจะมีคนจนเพิ่มขึ้นถึง 11 ล้านคน และจะมีอีก 25 ล้านคน ที่จะต้องตกงาน แรงงานในประเทศไทยมีแรงงานนอกระบบกว่า 20 ล้านคน เท่ากับครึ่งหนึ่งของแรงงานในประเทศ จึงต้องมาดูว่ามาตรการต่างๆ ของรัฐได้เข้าถึงทุกคนหรือไม่เพื่อให้ได้มาซึ่งงบประมาณ
นางมนพร ยังกล่าวถึงมาตรการเยียวยาต่างๆ ของผู้มีรายได้น้อยหรือขาดรายได้ ว่า รัฐบาลไม่ได้สนใจที่จะใช้ระบบสวัสดิการเข้ามาช่วยเหลือ โดยวิธีการโอนเงินเข้าบัญชีหรือใช้ระบบเลขประชาชน 13 หลัก เพื่อให้ประชาชนอยู่บ้านโดยไม่ต้องอดอยาก และจากการทำงบประมาณของหน่วยงานทั้งสภาพัฒน์และสำนักงบประมาณเคยทราบหรือไม่ว่ากลุ่มเปราะบางหรือผู้ด้อยโอกาสที่ประกอบอาชีพเหล่านี้จะต้องถูกทดแทนด้วยเครื่องจักรโลกยุคหลังโควิด-19 ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะถูกแทนด้วยเครื่องจักรและหุ่นยนต์ โดยเฉพาะเมื่อเกิดโรคระบาดเช่นนี้อาจทำให้นายจ้างต้องหันไปใช้เครื่องจักรทดแทนแรงงาน แต่ปรากฏว่า ในงบประมาณปี 2565 รัฐบาลกลับจัดสรรเงินในการเสริมในการเสริมสร้างการแข่งขันศักยภาพและการแข่งขันเพียง 10.92% ซึ่งถือว่าต่ำพี่ที่สุดในยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้าน และเป็นการจัดสรรงบประมาณที่ไร้ทิศทางไม่สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ ในส่วนของงบประมาณด้านสังคมสงเคราะห์ในปี 2565 ถูกตัดไปเกือบ 100,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 เกือบ 20% แล้วไหนโครงการต่างๆ ที่นายกรัฐมนตรีไปสัญญากับประชาชนไว้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการมารดาประชารัฐ ตั้งครรภ์จะจ่าย 3,000 บาทต่อเดือน ถ้าค่าทำคลอด 10,000 บาท ค่าดูแลเด็ก 2,000 บาทต่อเดือน ไปจนถึงอายุ 6 ปี โรงพยาบาลผู้สูงอายุที่จะต้องมีทุกอำเภอทั่วประเทศไทย ดังนั้น นี่เป็นเพียงแค่สัญญาลมปาก ท่านตระบัดสัตย์ประชาชน ท่านหลอกลวงประชาชนคนไทยทั้งประเทศเพียงเพื่อให้ท่านได้กลับมาอีกครั้ง
“ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ การบริหารความหวังของประชาชน คือ สิ่งสำคัญที่รัฐบาลได้ให้ความหวังไว้ว่าจะเอาความสุขของประชาชนกลับคืนมา 7 ปีแล้ว ภายใต้การบริหารของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านกลับมาเป็นผู้ทำลายความหวังของประชาชนคนไทยเสียเอง ประชาชนคนไทยเจ็บ เจ็บแต่ไม่จบ นั่นก็เพราะความไร้ประสิทธิภาพของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านลาออกเถอะค่ะ แล้วเปิดโอกาสให้สภาฯแห่งนี้นายกรัฐมนตรีขึ้นมาใหม่ ดังนั้น ดิฉันจึงไม่สามารถรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 65 ได้ เพราะเป็นงบประมาณแบบศรีธนญชัย” นางมนพร กล่าว