xs
xsm
sm
md
lg

วันนี้ยังไร้หมายแดงล่าตัว "เสี่ยกำพล" วิคตอเรียซีเครท อัยการซัดเป็นหน้าที่ตำรวจ ผบ.ตร.ปั๊ด ว่ายังไง? **"ชาดา" ส่งสัญญาณแรงชัด ชวน"อนุทิน"กลับบ้าน เมื่อลุงตู่รวบอำนาจบริหารแบบ ซิงเกิล คอมมานด์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**งามหน้ากันมั้ย วันนี้ยังไร้หมายแดงล่าตัว "เสี่ยกำพล" วิคตอเรียซีเครท อัยการซัดนี่เป็นหน้าที่ตำรวจเต็มๆ ผบ.ตร.ปั๊ด ว่ายังไง? **

อะเมซิ่งไทยแลนด์อีกแล้วครับท่าน กรณี "เสี่ยกำพล" กำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของอาบอบนวดวิคตอเรียซีเคร็ท สถานบันเทิงโลกีย์ชื่อดังในอดีต ที่ตกเป็นผู้ต้องหา "คดีค้ามนุษย์" แล้วหลบหนีคดีกว่า 3 ปี แต่ปรากฏมีคนไปเห็นว่า สารบบในเว็บไซต์อินเตอร์โพล ยังไม่มีการขึ้นข้อมูลการออก "หมายแดง" ตามล่าตัวเสี่ยกำพลแต่อย่างใด

งานนี้ เมื่อมีข้อสงสัย "ประยุทธ เพชรคุณ" รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ก็ออกมาบอกว่าตามขั้นตอนกฎหมายไทย หากผู้ต้องหาหลบหนีไปต่างประเทศ เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะส่งเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุม และประสานงานกับตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล ในการออก"หมายแดง" จับกุมคนร้ายในคดีนี้ ฐานความผิดค้ามนุษย์เป็นกฎหมายสากลทั่วทั้งโลก เพราะถือเป็นความผิดต่อมนุษยชาติ

ขณะที่อัยการจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีก็ต่อเมื่อตำรวจตามจนรู้ต้นตอว่า ผู้ต้องหาหลบหนีไปอยู่ประเทศใด เมื่อได้หลักแหล่งผู้ต้องหาชัดเจนแล้ว จึงส่งข้อมูลมายังอัยการสูงสุด สำนักงานต่างประเทศ ตรวจสอบว่ามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศต้นทางหรือไม่ เพื่อประสานงานขอผู้ร้ายข้ามแดน

แต่ถ้าหากไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน จะต้องประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อใช้วิธีการเจรจาทางการทูต ในการส่งตัวหรือจับกุมคนร้ายกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ดังนั้น สำนักงานอัยการจะไม่ทราบว่าขณะนี้มีการออกหมายแดงนายกำพลโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วหรือไม่ เพราะไม่สามารถไปก้าวก่ายหน้าที่ระหว่างหน่วยงานได้

เรียกว่า ถ้าตำรวจไม่ขยับ หน่วยงานอื่นๆตามกระบวนการยุติธรรมก็ทำงานต่อไม่ได้ !!

ยิ่ง "เสี่ยกำพล" เป็นผู้ต้องหาสำคัญถูกฟ้องข้อหาหนัก ค้ามนุษย์หลายคดี สังคมยิ่งคาดหวังว่าตำรวจจะดำเนินการติดตามอย่างไม่ลดละ แต่ดูเหมือน ตำรวจยุคนี้จะถนัดในเรื่อง"ลูบหน้าปะจมูก" มากกว่า พร้อมๆ กับ"โยนกลอง" กันไปมา

กำพล วิระเทพสุภรณ์ - พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข
ความคืบหน้าการติดตามตัว "เสี่ยกำพล"ของตำรวจ จึงโบ้ยกันไปที่หน้างานสืบสวนสอบสวน ซึ่งก็คือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ฝ่ายตำรวจอ้างว่า ถ้าดีเอสไอไม่ประสานตร. ตำรวจจะขอออกหมายแดงกับเสี่ยกำพล ก็ไม่ได้ สรุปว่าก็รอกันไปรอกันมา กลายเป็นไม่มีใครรู้ว่า "เสี่ยกำพล" ล่องหน ไปอยู่ที่ไหน
แว่วว่า มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน รวมไปถึงนักธุรกิจ หุ้นส่วนเสี่ยที่คนที่เคยมีสัมพันธ์กับกำพล ไม่อยากให้ "เสี่ยวิคตอเรียซีเครท" กลับมาสักเท่าไหร่ ไม่กลับมายิ่งดี เพราะเกรงจะต้องเข้าไปพัวพัน เกิดอาการหนาวๆ ร้อนๆ กันไปทั้งบาง
ต้องไม่ลืมว่า ก่อนถูกดำเนินคดี"เสี่ยกำพล" ถือเป็นผู้มีอันจะกิน
เครือข่ายธุรกิจ"เสี่ยกำพล" เจ้าพ่อ"วิคตอเรียซีเครท" พบว่า ถือหุ้นและเป็นกรรมการ บริษัทจดทะเบียนนอกตลาดฯ 34 แห่ง กิจการที่ประกอบ ก็มีตั้งแต่ อสังหาฯ อาบอบนวด ไปจนถึง รร.กวดวิชา สินทรัพย์รวมๆ 2.5 พันล้าน โยงใยตัวละครที่เข้ามามีเอี่ยวร่วมทำธุรกิจ ก็มีตั้งแต่ ลูกนักการเมืองตระกูล "ติยะไพรัช" ลูกชายอดีต ผบ.ตร. "พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง" พ่วงไปด้วยอีกหลายคนรวมๆแล้ว กว่า30คน นี่ยังไม่รวมถือหุ้น 4 ตัวในตลาดหลักทรัพย์ฯ 413 ล้าน ที่โยงใยกับ "เจ้าของสื่อค่ายดัง" อีกต่างหาก
"เสี่ยกำพล" สมัยรุ่งเรืองยังเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้ผู้ยิ่งใหญ่วงการยุทธจักรสีเทา ทั้งข้าราชการระดับสูง สีกากี สีเขียว กันมากหน้าหลายตา
ว่ากันว่า ป.ป.ช.ตอนที่รับสำนวนจากดีเอสไอ แล้วตรวจสอบเส้นทางเงิน"เสี่ยกำพล" เจ้าของอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท พบว่าโอนให้ข้าราชการระดับสูงหลายร้อยล้านบาท !
นับแต่"เสี่ยกำพล" หนีคดี ตำรวจไม่มีคำตอบให้กับสังคม หรือเขาจะเป็นผู้วิเศษสามารถหายเข้ากลีบเมฆอย่างไร้ร่องรอยได้
งานนี้นอกจากอัยการจะบอกชัดๆว่า "บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. รู้หรือยังว่า หน้าที่ออกหมายแดงล่าตัวเสี่ยกำพล เป็นหน้าที่ตำรวจเต็มๆ
และ ...สังคมเองก็คงอยากจะรู้ด้วยว่า ผบ.ตร.คนนี้ จริงจัง จริงใจแค่ไหนกับการ ล่าตัวเสี่ยกำพล !




** "ชาดา" ส่งสัญญาณแรงชัด ชวน"อนุทิน"กลับบ้าน เมื่อลุงตู่รวบอำนาจบริหารแบบ ซิงเกิล คอมมานด์ หั่นงบฯสาธารณสุขทุกด้าน คนทำงานต้องเจ็บปวด


ชาดา ไทยเศรษฐ์
บรรยากาศการอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ร้อนฉ่าตั้งแต่วันแรก ฝ่ายค้านเปิดฉากถล่มว่าเป็นการจัดงบฯที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ประเทศชาติกำลังเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด รัฐบาลยังจัดงบฯเหมือนอยู่ในสถานการณ์ปกติ แถมงบฯกระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นด่านหน้าในการรับมือโรคร้ายก็ถูกตัดทอนแทบทุกกรม ต่างจากงบฯ กลาโหม ที่แม้จะถูกปรับลดแต่ก็เพียงน้อยนิด แต่มีแอบไปปูดโป่งในบางส่วน...

ไม่เพียงแต่ฝ่ายค้านที่โจมตีการจัดงบฯ 65 พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย ก็ร่วมถล่มด้วย เพราะสิ่งที่คาดหวังคือ การทุ่มสรรพกำลังและงบประมาณ ลงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลเรื่องโควิด ซึ่งก็คือ กระทรวงสาธารณสุข ที่ "หมอหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กำกับดูแลอยู่ แต่ตัวเลขที่เห็นกลับไม่เป็นเช่นนั้น... ที่สำคัญคือไม่มีงบฯจัดซื้อวัคซีนโควิด ในร่าง พ.ร.บ.งบฯ 65 โดยอ้างว่าให้ไปใช้เงินกู้ที่ยังเหลืออยู่ และงบกลาง

"ชาดา ไทยเศรษฐ์" ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย "ผู้มากบารมีแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง" ต้องออกมายืนอภิปรายที่โพเดียม จนทำให้ส.ส.ทั้งสภาถึงกับอึ้ง เมื่อได้รับฟัง...

...การจัดทำงบประมาณครั้งนี้ เป็นการทำงบฯที่ไม่ให้เกียรติพี่น้องประชาชน เพราะในสถานการณ์โควิดเช่นนี้ สำนักงบฯแทนที่จะจัดงบมาสนับสนุนการทำงาน กลับตัดงบกระทรวงสาธารณสุขลงแทบทุกกรม ทุกส่วน ทั้งที่มีภารกิจต้องดูแลประชาชน แต่ท่านบอกว่าจะไปใช้งบกลาง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ลำบาก เปรียบเหมือนส่งทหารไปรบแต่ไม่ให้อาวุธ ไม่ให้สิ่งอำนวยความสะดวก แล้วท่านคิดว่าศึกนี้จะชนะหรือ

การทำแบบนี้ เหมือนไม่สนใจความรู้สึกประชาชน ไม่นึกถึงคนที่ทำงานอยู่ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย... ในสถานการณ์เช่นนี้ งบฯกระทรวงสาธารณสุข 4 หมื่นล้านบาทถือว่าน้อยนิด ที่จะนำมาใช้ต่อสู้โควิด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่สิ่งสำคัญคือ เบี้ยเลี้ยงเสี่ยงภัยของแพทย์ 6 พันกว่าล้านบาท ตั้งแต่โควิดรอบแรกจนวันนี้ ท่านยังไม่เบิกจ่ายให้เขา แล้วแบบนี้จะอยู่กันอย่างไร ... ท่านทำให้ประชาชน คนทำงานเจ็บปวด จึงอยากให้สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ไปดูโรงพยาบาลรัฐบ้าง ไปดูให้เห็นกับตาว่า วันนี้ยังขาดแคลนอะไรบ้าง ท่านตัดแม้แต่งบแพทย์ปฐมภูมิ ที่ต้องดูแลประชาชนโดยตรง ...ท่านตัดตรงนี้ถือว่า"ใจดำมาก" จึงอยากให้สภาพัฒน์ พิจารณาและทบทวนบทบาทหน้าที่ตัวเองใหม่ เพราะแทนที่ท่านจะทำหน้าที่วิเคราะห์ แนะนำรัฐบาล แต่กลับมาพิจารณางบประมาณเสียเอง
...หรือสำนักงบประมาณคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะไม่รักนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเสียแล้ว ท่านถึงได้ตัดงบประมาณแบบนี้ ผมก็อยากจะบอกว่า หัวหน้าครับ ถ้าเขาไม่รักก็กลับบ้านเราเถอะ !!
การอภิปรายของ "ชาดา" ในครั้งนี้ เหมือนมีอารมณ์ของความน้อยใจ ขณะเดียวกันก็เป็นแสดงออกถึงอาการ "เหลืออด" จึงส่งสัญญาณที่แรงชัดเช่นนี้ !!
โดยเฉพาะอารมณ์สะสมจากช่วงที่ผ่านมา หลังจาก"ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวบอำนาจการจัดการแบบ "ซิงเกิล คอมมานด์" แต่สถานการณ์ในเรื่องหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด ก็ยังไม่กระเตื้องขึ้น แถมการบริหารจัดการเรื่องวัคซีน ยังพึ่งหวังไม่ได้ แต่คนส่วนใหญ่กลับไประบายลงที่กระทรวงสาธารณสุข เพราะมองว่าเป็นผู้ที่รับผิดชอบโดยตรง
เมื่อเห็นว่า ลุงตู่-สภาพัฒน์-สำนักงบฯ "ใจดำมาก" ชาดาจึงต้องบอกกับหมอหนูว่า ...กลับบ้านเราเถอะ!!
เชื่อว่าหลังจากนี้ บรรดาวิปรัฐบาล รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่คงต้องหารือกันเครียด ...หากเห็นว่าข้อเสนอแนะเหล่านี้สามารถนำไปปรับแก้ในชั้นกรรมาธิการ ก็คงสามารถประคองสถานการณ์กันต่อไปได้ แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างยังยืนกรานในจุดของตัวเอง ก็อาจจะได้เห็น ร่าง พ.ร.บ.งบฯ65 คว่ำตั้งแต่วาระแรก
ถ้าเป็นแบบหลัง "ลุงตู่"ก็มีแต่ 2 ทางเลือก คือไม่ยุบสภา ก็ลาออก!!




กำลังโหลดความคิดเห็น