ข่าวปนคน คนปนข่าว
**จาก “Single Command” ของลุงทำเละ แต่แล้วเหมือน “ฝนยามแล้ง” พสกนิกรปลาบปลื้ม เมื่อ “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” ยกสถานะช่วยนำเข้ายา-วัคซีนทางเลือก “ซิโนฟาร์ม” จากจีนให้ประชาชน
การบริหารจัดการจัดสรรวัคซีนโควิดของรัฐบาลตอนนี้ต้องบอกว่า สับสนอลหม่าน เรียกว่าจับจุดไหนก็เละไปหมด!!
ที่เป็นแบบนี้ “ลุงตู่” ไม่อาจจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้เลย ก็เพราะ “กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด” ดูเบาปัญหาการแพร่ระบาด ประกอบกับหมอใกล้ตัวเพลย์เซฟ คิดว่า “เอาอยู” เรื่องการเตรียมพร้อมวัคซีนจึงเป็นวาระที่ไม่เร่งด่วน แต่เมื่อสถานการณ์แพร่ระบาด “เอาไม่อยู่” เกิดเหตุรอบ 3 แล้วลุงเองที่กลัวโดนด่าช่วงสงกรานต์จึงเลินเล่อปล่อยคลื่นคนเคลื่อนย้ายกลับบ้าน... ก็งานเข้ามาต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูง แถมอัตราการตายก็ทำสถิติไปทุกวัน ครั้นพอนึกถึงวัคซีนขึ้นมา แผนเดิมผิดพลาด แถมไม่มีแผนสอง แผนสำรองเตรียมไว้ กว่าจะขยับตัวจึงช้า มะงุมมะงาหรา แถมมี “การเมือง” เข้ามาแทรก พอปัญหาหนักเข้าๆ จำต้องนำเข้าวัคซีนทางเลือกตัวอื่นๆ เข้ามาก็ไม่ต่างกับ “ลิงแก้แห” ยุ่งเหยิง ติดขัดไปหมด
ปมปัญหาทั้งหมดทั้งมวล ยอมรับไหมล่ะว่า เพราะ “ลุงตู” อยากเป็นพระเอกคนเดียว ใช้ “Single Command” จนสถานการณ์ยากต่อการแก้ไข ประชาชนรอคอยวัคซีนด้วยใจหดหู่
แต่แล้วก็เหมือน “ฝนยามแล้ง” เมื่อปรากฏความเคลื่อนไหว เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ เผยแพร่ประกาศ “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” ว่าด้วยการบริหารบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสถานการณ์ฉุกเฉินอื่นๆ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ว่าด้วยการให้บริการทางการแพทย์ ในสถานการณ์โควิด-19 และรวมถึงสถานการณ์ฉุุกเฉินอื่นๆ ซึ่งสาระสำคัญอยู่ตรงที่ สามารถนำเข้าวัคซีน-ยา-เวชภัณฑ์-อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอื่นๆ ที่จำเป็นได้ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
ประกาศ ประกาศ ณ วันที่ 18 พ.ค. 64 ศาสจราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และนายกสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
จากนั้นตามมาด้วยกำหนดการแถลงข่าวเรื่อง แนวทางการจัดสรรและนำเข้าวัคซีนทางเลือก “ซิโนฟาร์ม” ซึ่งหมายความว่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กำลัง “ยกสถานะ” จะซื้อและนำเข้า “วัคซีน” จากผู้ผลิตต่างประเทศมาเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน โดยก่อนหน้านี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ก็จัดสรรวัคซีนให้ประชาชนเข้าถึงด้วยวิธี “Walk in” มาต่อเนื่อง
ในเวลาต่อมา “ศ.นพ.นิธิ มหานนท์” เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ อธิบายเพิ่มว่า “การที่ราชวิทยาลัยฯจะมาช่วยหาวัคซีน“ตัวเลือก” มาให้นั้น เมื่อวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยสามารถผลิตและใช้ได้อย่างเพียงพอในการป้องกันการระบาด ทางราชวิทยาลัยฯ จะค่อยๆ ลดปริมาณวัคซีนตัวเลือกนี้ลง
ขณะที่วัคซีนของประเทศไทยไม่เพียงพอ และเมื่อราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะช่วยนำเข้ามาเพื่อช่วยเหลือคนไทยที่กำลัง “คอยวัคซีน” อยู่ในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่เหมือน “ฟ้าประทาน” ทำให้พสกนิกรชาวไทยปลาบปลื้ม และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
** “ดอน” กินยานอนหลับยี่ห้ออะไร ทำไมถึงได้หลับลึก ยาวนาน เพิ่งจะตื่นงัวเงีย บอกว่ากำลังประสานฝรั่งเศสตามจับ “สมศักดิ์ เจียม”
จากที่ “ลุงมโน” สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ถูกออกหมายจับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส ได้โพสต์ข้อความที่เป็นข่าวลือ “อัปมงคล” ของสถาบันเบื้องสูง ทำร้ายจิตใจประชาชนว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวร และประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าพระองค์ยังคงมีพระพลานามัยแข็งแรง
เรื่องนี้ นอกจาก “สมศักดิ์ เจียม” จะโดนถล่มยับในโซเชียลฯแล้วยังถูก “อภิวัฒน์ ขันทอง” กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เข้าแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง ให้ดำเนินคดีความผิด มาตรา 112 และ ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ขณะที่ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาล ประสานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้เร่งดำเนินการตามความผิด รวมถึงประสานไปยังประเทศฝรั่งเศสเพื่อขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนด้วย
สำหรับการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดแล้วหนีไปต่างประเทศนั้น ตามหลักปฏิบัติ จะอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยการติดต่อสื่อสารผ่านช่องทางตำรวจสากล (INTERPOL)โดยผ่านสำนักงานกลางแห่งชาติตำรวจสากลประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ที่กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่โดยหลักปฏิบัติทั่วไปนั้น จะต้องมีการร้องขอโดยผ่านพิธีการทางการทูต คือต้องผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศเป็นสำคัญ
ล่าสุด เมื่อถูกทวงถามถึงเรื่องนี้ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ ก็บอกเพียงว่า กำลังประสานกับทางการฝรั่งเศสให้ตามจับกุมตัวอยู่
“สมศักดิ์ เจียม” หลบหนีออกนอกประเทศไปลี้ภัยอยู่ที่ฝรั่งเศส ตั้งแต่หลังการรัฐประหารเมื่อปี 2557 นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 7 ปีแล้ว และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ใช้สื่อโซเชียลฯ โจมตี ให้ร้าย ปล่อยข่าวเท็จ เพื่อบ่อนเซาะทำลายสถาบันฯ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังอยู่เบื้องหลัง “ม็อบสามนิ้ว” เคลื่อนไหวสร้างความปั่นปวนในบ้านเมือง อ้างรัฐบาลเผด็จการ อ้างรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ แต่เป้าหมายที่แท้จริง คือ การ “ล้มล้างสถาบันฯ” โดยอ้างว่าเป็นการปฏิรูป
แนวทางการปราศรัย ข้อเรียกร้องของ “ม็อบสามนิ้ว” ส่วนใหญ่ถูกส่งมาจาก “สมศักดิ์ เจียม” แล้วให้แกนนำอย่าง “เพนกวิน-รุ้ง-ทนายอานนท์” นำไปปราศรัยขยายความ จนคนเหล่านี้ต้องถูกดำเนินคดี ม.112 กันเป็นหางว่าว
แม้การลี้ภัยทางการเมือง หนีคดีอาญา ม.112 ในสายตาของโลกประชาธิปไตย ก็อาจมีมุมมองที่แตกต่างจากไทย รวมถึงภาพลักษณ์ของรัฐบาลไทยที่มาจากการรัฐประหาร แม้จะมีการเลือกตั้งภายหลังก็ตามก็อาจถูกมองอย่างที่มีการฟ้องโลกของ “ม็อบสามนิ้ว” ว่า ยังเป็นรัฐบาลเผด็จการอยู่
แต่การที่ “สมศักดิ์ เจียม” บิดเบือน ให้ร้าย สถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและเคารพเทิดทูนของคนไทยนั้น สุดที่สังคมไทยจะเพิกเฉยหรือให้อภัยได้
หาก “ดอน ปรมัตถ์วินัย” ปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการอย่างขมีขมัน ขอร้องให้รัฐบาลฝรั่งเศส สั่งให้ “สมศักดิ์ เจียม” หยุดใช้ประเทศของพวกเขาเคลื่อนไหวทางการเมือง และโจมตีสถาบันฯ อย่างน้อยก็ยังได้ใจคนไทย ...ถ้าถึงขั้นสามารถนำตัวกลับมาดำเนินคดีได้ยิ่งถือว่าเป็นผลงาน “ชิ้นโบแดง” และเป็นความสำเร็จอย่างสูงของกระทรวงการต่างประเทศ
แต่ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” ก็ “หลับ” มาตลอด พอมีกระแสร้อนแรงเช่นครั้งนี้ ก็งัวเงียบอกแบบขอไปทีว่ากำลังประสานตามจับอยู่
ทำให้คนไทยอดสงสัยไม่ได้ว่า “ดอน” กุมอะไร “ลุงตู่” อยู่ ถึงได้นั่งในตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ มายาวนานถึง 7 ปี ทั้งที่ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน แถมในการปรับ ครม.ครั้งล่าสุดยังได้ควบเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีอีกต่างหาก
#คนไทยขัดใจมาก