วันนี้ (25 พ.ค.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เเสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจส่วนตัวถึงสถานการณ์การเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 และการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตประชาชน
นายพิธา กล่าวว่า ในวันนี้ตนมีความกังวลใจเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การจัดซื้อและกระจายวัคซีนของประเทศไทย ที่ไม่กระจายความเสี่ยง เลือกที่จะแทงม้าตัวเดียวทั้งยังล่าช้าอีกด้วย ทั้งที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้เคยออกมาเตือนไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่กลับถูกรัฐบาลฟ้องร้องดำเนินคดี และวันนี้คำเตือนเหล่านั้นก็กลับมาเป็นจริงที่หลอกหลอนผู้มีอำนาจตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากความหวังของประเทศไทยทั้งหมดฝากเอาไว้กับวัคซีน AstraZeneca ที่รัฐบาลสัญญาไว้ว่าจะมีเข้ามาล็อตใหญ่ในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ถึงวันนี้ ยังไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาลว่า วัคซีน AstraZeneca ล็อตแรกที่สัญญากับประชาชนไว้ จะมาตามนัดได้หรือไม่ เพราะจากแผนเดิมที่รัฐบาลประกาศว่าจะมีวัคซีนจาก Siam Bioscience ที่เป็น Early Delivery เข้ามา 1.7 ล้านโดส ในช่วงวันที่ 17-21 พฤษภาคมนั้น ปัจจุบันชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลไม่สามารถทำได้อย่างที่พูดไว้ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะ “อาจจะมีปัญหาเรื่องค่าเบี่ยงเบนตามเอกสารนิดหน่อย” ตามคำของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายพิธา กล่าวต่อไปว่า และในช่วงไม่กี่วันมานี้มีข่าวว่า โรงพยาบาลหรือหน่วยฉีดวัคซีน เช่น โรงพยาบาลวชิรพยาบาล, โรงพยาบาลธรรมศาสตร์, โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ฯลฯ ได้ทำการเลื่อนนัดคนที่ลงทะเบียนไว้ หรือแจ้งยกเลิกการฉีด ด้วยเหตุผลว่า ไม่มีวัคซีนตัวดังกล่าวแล้ว และถ้าหากว่าวัคซีนมาเมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
“ผมเชื่อว่าประชาชนก็คงสงสัยว่าจริงๆ แล้ว แผนหลักของการกระจายวัคซีนของรัฐบาล มีเนื้อหาหน้าตาอย่างไร? วันนึงบอกต้องฉีดให้แหล่งท่องเที่ยว เช่น ตามแผนภูเก็ต sandbox ก่อน อีกวันนึงบอกต้องฉีดคนแก่ก่อน อีกวันนึงบอกต้องฉีดนักโทษก่อน อีกวันนึงบอกต้องฉีดคนเสี่ยงในชุมชนที่มีคลัสเตอร์ก่อน อีกวันนึงบอกต้องฉีดครูก่อนเพราะจะเปิดเทอม อีกวันนึงอยู่ดีๆ ดาราก็ได้ฉีดก่อน และเมื่อคืน คุณอนุทินก็ได้เปิดเผยในช่องท็อปนิวส์ว่า ตนเองยังไม่เห็นและยังไม่รับทราบรายงานของแผนตัวเลขการจัดสรรวัคซีน 77 จังหวัดที่ออกมาเลย ซึ่งแผนนี้มีคนจำนวนมากตั้งคำถามถึงความเหมาะสมเป็นธรรมในการจัดสรร ยิ่งทำให้สังคมสับสนเข้าไปใหญ่ว่าแท้จริงแล้ว รัฐบาลมีแผนการอย่างไรกันแน่ เพราะแม้แต่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเองยังออกมาให้ข่าวว่าไม่รู้เรื่องเช่นนี้” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อไปว่า ตนต้องการสอบถามไปยังรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ออกมาตอบคำถามให้ชัดเจน ตรงไปตรงมา เพื่อสยบความโกลาหลทางข้อมูลข่าวสาร ในประเด็นดังต่อไปนี้ ประเด็นเเรก จากพฤติการณ์ทั้งหมดที่ปรากฏในหน้าข่าว ทั้งการให้ข่าวของนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุ ว่าการออกมาสื่อสารของโรงพยาบาลเองก็ดี หรือแม้แต่ข้อมูลที่ได้มาจากเจ้าหน้าที่กระทรวงในชั้นกรรมาธิการ สรุปแล้ว ประเทศไทยจะได้รับวัคซีน AstraZeneca ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป จนครบตามจำนวนและได้ภายในเงื่อนเวลาที่รัฐบาลประกาศไว้ตั้งแต่แรกหรือไม่? จะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเงื่อนไขใดๆ หรือไม่? อย่างไร?
ประเด็นที่สอง อุบัติเหตุหรือความขัดข้องใดๆ ในกระบวนการผลิตและส่งมอบวัคซีนนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ปัญหาที่เกิดจากการแทงม้าตัวเดียวต่างจากประเทศส่วนมากในโลกตั้งแต่แรกนั้น ถ้าเกิดความขัดข้องใดๆ เราจะมีแผนสำรองเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง?
ประเด็นที่สาม การระบาดในประเทศก็ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากในกรุงเทพเกิดคลัสเตอร์ใหม่จำนวนมาก ไม่มีแนวโน้มลดลง ส่วนในต่างจังหวัดทั่วประเทศก็มีคลัสเตอร์เกิดใหม่เพิ่มขึ้น และที่จังหวัดนราธิวาสพบเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาใต้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ทำให้แนวโน้มการระบาด ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในอนาคตอันใกล้ยังคงน่าเป็นห่วง ดังนั้นรัฐมีแนวทางในการรับมืออย่างไร ถ้าเกิดการระบาดด้วยไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ในประเทศไทย ในขณะที่วัคซีนหลักอย่าง AstraZeneca มีรายงานว่ามีประสิทธิภาพต่ำเมื่อเจอกับไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้?
ประเด็นสุดท้าย สรุปแล้วแผนหลักของการกระจายวัคซีนของรัฐบาลมีเนื้อหาหน้าตาอย่างไร? และควรจะต้องประกาศให้ประชาชนรับทราบให้ตรงกัน พร้อมกับเหตุผลคำอธิบาย เพื่อไม่ทำให้เกิดคำถามหรือคำครหาตามหลังมาว่า มีการเลือกปฏิบัติในบางจังหวัด บางพื้นที่ หรือให้เฉพาะแค่ประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
“การให้ข้อมูลที่แท้จริงกับประชาชนเป็นสิ่งปกติที่พึงกระทำ ยิ่งในห้วงวิกฤตแบบนี้ ยิ่งควรต้องสื่อสารให้ข้อมูลอย่างตรงประเด็น รอบด้านที่สุด เท่าที่จะทำได้ ดังนั้น ผมจึงขอใช้โอกาสนี้สื่อสารเพื่อสอบถามไปยังรัฐบาลให้เร่งรีบชี้แจงให้สังคมได้รับความกระจ่างเพื่อยุติความโกลาหลทางข้อมูลข่าวสารและให้ประชาชนมั่นใจโดยมีพื้นฐานบนข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุดครับ” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวทิ้งท้าย