พฤติกรรมฟ้อง! “ดร.อานนท์” แฉ “พิมรี่พาย” กลยุทธ์ “แม่ค้างูพิษ” ชิงพื้นที่ข่าว “โบว์-ณัฏฐา” กับคำว่าใช่ “จับผิดอันธพาลออนไลน์-จิตอาสาวัคซีน กทม. “ดร.เสรี” ย้อนเจ็บ นักการเมือง 3 นิ้ว ดารานักร้องสามกีบ “อย่าอ้างไม่มีทางเลือก”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (22 พ.ค. 64) ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“กลยุทธ์แม่ค้างูพิษ หาเรตติ้งพื้นที่ข่าวให้ขายของได้
หนึ่ง ทำตัวให้เด่นดัง แตกต่าง เริ่มตั้งแต่แต่งตัวเด่นแปลกตา แต่งหน้าจัด
สอง สร้างกระแสข่าวไม่หยุดหย่อน เช่น การทำบุญเอาหน้า เพื่อเป็นการเรียกเรตติ้ง และกระทบกระเทียบแดกดัน เพื่อให้ตัวเองมีความแปลก ความคูล ความเก๋ แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไร แต่ทำให้เป็นข่าวชนิดที่เรียกว่า หมากัดคนไม่เป็นข่าว คนกัดหมาเป็นข่าว
สาม ออกมาด่าทุกฝั่ง ด่าฝั่งนั้นที ฝั่งนี้ที เพื่อให้มีพื้นที่ข่าวให้มากที่สุด จริงๆ อาจจะมีฝั่งที่ตัวเองเลือก แต่การเหยียบเรือสองฝั่งสลับไปมา ทำให้ชิงพื้นที่ข่าวได้มากที่สุด
สี่ ใช้คำพูดรุนแรง ตลาดล่าง เพราะคนไทยชอบคำพูดหยาบคาย ระดับล่าง ที่เป็น target market ของเธอ เธอไม่ได้ขายของตลาดบน การใช้คำพูดแรงๆ มันได้แรงอก ได้แรงใจจากคนระดับเดียวกันที่เป็นฐานลูกค้าของเธอ
ห้า ทะเลาะเบาะแว้งกับคนโน้นที คนนี้ที คนไทยชอบดูคนทะเลาะกันมากที่สุด ไทยมุงบนโลกออนไลน์ เวลาคนโต้กันไปมา สนุกสนานกันมาก เธอเข้าใจนิสัยไทยมุงชอบยุ่งเรื่องคนตีกัน ไม่ว่าจะไปทางไหน เธอไม่ได้มีต้นทุนทางสังคมอะไร ก็แม่ค้าปากตลาดบนโลกออนไลน์ ใครมามุงดูเธอทะเลาะกันตีกันบนโลกออนไลน์ เธอก็ขายของได้ทั้งนั้น
รวมๆ คือ ไม่น่าสนใจอะไร ถ้ามีสติปัญญาเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องสนใจ ไม่ต้องนำเสนอข่าว ไม่ให้เธอมีพื้นที่ข่าว เพราะนั่นคือสิ่งที่เธออยากได้ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ข่าวในทางดีหรือทางเลว เธอเอาหมด เพราะทำให้เธอขายของได้ หาเงินได้ ก็แค่นั้นเองครับ”
ขณะเดียวกัน นางสาวณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้แคปข้อความของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ที่โจมตีข่มขู่ดารานักแสดง กรณีฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 พร้อมโพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ ระบุว่า
“นี่คือตัวอย่างของพฤติกรรม #อันธพาลออนไลน์ #CyberBullying”
ด้าน ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง ได้แชร์โพสต์ของ โบว์ ณัฏฐา พร้อมแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า Cyber Bullying เป็นวิธีการที่ฝ่ายการเมืองที่เคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดียใช้มาตลอดหลายปี ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก
แต่ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติครับ คือ เมื่อทำมากๆ ก็ย่ามใจ และคุกคาม “คนตรงกลาง” ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองไปทั่ว
ไม่ว่าจะบริษัทห้าง เจ้าของกิจการ หรือศิลปินดาราที่ออกมาให้ความร่วมมือกับภาครัฐเพื่อแก้ไขสถานการณ์โควิด
จนสุดท้ายคนตรงกลางในสังคม หรือแม้แต่แนวร่วมที่เคยอยู่ฝ่ายเดียวกัน ก็เริ่มรับไม่ได้กับวิธีการดังกล่าว และนับวันก็ยิ่งจะมีแนวร่วมน้อยลงเรื่อยๆ
ซึ่งการที่แนวร่วมน้อยลง ไม่ใช่เพราะคนที่ถอยออกมานั้นจะชอบรัฐบาล หรือมองว่ารัฐบาลทำงานได้ดีแต่อย่างใด
แต่เขามองว่า วิธีการเหล่านี้ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องในการเรียกร้องหรือตรวจสอบการทำงานของรัฐ ก็เท่านั้นเองครับ” (จากไทยโพสต์)
นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH ยังโพสต์ข้อความ ระบุว่า
“จากที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องและแพร่กระจายออกเป็นวงกว้างนั้น
โดยสำนักการแพทย์ จึงเปิดรับสมัครจิตอาสา ช่วยปฏิบัติงานด้านการรักษาพยาบาลและสนับสนุนด้านต่างๆ ดังนี้
1. จิตอาสาด้านการรักษาพยาบาล 2. จิตอาสาด้านให้คำปรึกษาแนะนำผ่านสายด่วน 1669 3. จิตอาสาด้านบริการอาหาร 4. จิตอาสาด้านรับบริจาค 5. จิตอาสาด้านประชาสัมพันธ์ 6. จิตอาสาด้านบริการทั่วไป
ทั้งนี้ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวถึงคุณสมบัติของจิตอาสาด้วยว่า จะต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และผ่านการคัดกรองตามแบบสอบถามคัดกรอง BKK COVID-19 สำหรับผู้สนใจสมัครเป็นจิตอาสาสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 11 โรงพยาบาลในสังกัด กทม. ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน กทม. สำนักงานเลขานุการ สำนักการแพทย์ และสำนักงานพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์ สำนักการแพทย์
ล่าสุด วันนี้ (22 พ.ค. 64) นางสาวณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวลงในทวิตเตอร์ด้วยว่า
“วันก่อนเพิ่งพูดว่า อยากไปเป็นอาสาสมัครจุดฉีดวัคซีนแบบเมืองนอก วันนี้เห็นเพื่อนแชร์มา เลยรีบโทร.ไปสมัครเรียบร้อยค่ะ ใครสนใจตามมาได้ # วัคซีนโควิด”
อ่านเพิ่มเติมคลิกที่ลิงก์ : https://truthforyou.co/49239/?anm
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
“นักการเมืองบางคน สามกีบบางคน ดาราบางคน นักร้องบางคน ผู้ประกาศข่าวบางคนที่เคยด้อยค่าวัคซีนที่ประเทศไทยเรามี และเคยปฏิเสธที่จะฉีด ตอนนี้ตัดสินใจฉีดกันหลายคนแล้วนะ
แต่ก็ไม่ว่ายที่จะพูดว่า พวกเขาจำใจต้องฉีด เพราะไม่มีทางเลือก
ทำไมจะไม่มีคะ จะฉีดหรือไม่ฉีด คุณเลือกได้นะคะ
เมื่อเลือกที่จะฉีด ก็แปลว่า คุณเลือกแล้วนะคะ จะบอกว่าไม่มีทางเลือกได้อย่างไร ถ้าพวกคุณคิดว่าวัคซีนที่รัฐบาลจัดให้ไม่มีประสิทธิภาพ และมีผลข้างเคียงที่อันตรายอย่างที่พวกคุณว่า จะฉีดทำไมล่ะคะ
คุณเลือกที่จะฉีด ก็หมายความว่า คุณเชื่อมั่นประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว คุณคงไม่ยอมให้มีใครเอาวัคซีนเข้าในร่างกายคุณสินะ
จะฉีดก็ฉีด ไม่ต้องมาแก้เกี้ยวการกลืนน้ำลายตัวเอง ด้วยการออกมาพูดว่า จำใจต้องฉีด เพราะไม่มีทางเลือก จริงๆ คุณมาทางเลือกนะคะ ขอย้ำ คุณมีทางเลือกค่ะ คือเลือกที่จะไม่ฉีดก็ได้ค่ะ”
แน่นอน, สิ่งที่น่าดีใจ ก็คือ การได้เห็นหลายคนที่เคยอยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล คนที่เรียกร้องประชาธิปไตย เป็นนักประชาธิปไตยที่แท้จริง สามารถแยกแยะ “ผิด-ถูก” ได้ ไม่ดันทุรังที่จะคัดค้าน และต่อต้านตะบี้ตะบัน ไม่สนใจความถูกต้องชอบธรรม มีเหตุผลหรือไม่ ไม่มีกาลเทศะ ไม่เลือกสถานการณ์ปกติ หรือไม่ปกติ เพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ใครเดือดร้อนช่างมัน แม้แต่คนที่พวกเขาชอบกล่าวอ้าง อย่าง “ประชาชน”
ต้องยอมรับว่า โชคเข้าข้างประชาชน ที่ทำให้หลายคนดังกล่าว หันมาทำเพื่อประชาชน มากกว่าผลประโยชน์ทางการเมือง
โดยเฉพาะ “โบว์ ณัฏฐา” ที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน จากคนที่เคยเป็นแนวร่วม “3 นิ้ว” มาก่อน แต่หลังจากการเคลื่อนไหว เริ่มออกนอกกรอบ และไม่เลือกวิธีเอาชนะ เธอก็เริ่มถอยห่าง และมีการเสนอความเห็นไปในทางติติง เตือนสติ จนสุดท้ายถูก “ศาสดา” สามกีบคุกคาม ผลักดันยัดเยียดให้เป็น “สลิ่ม”
กรณี นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ผู้ลี้ภัยทางการเมือง เห็นได้ชัด จากที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ให้เธอเสียหายหลายครั้ง จนมีคดีความในที่สุด
ล่าสุด เธอเพิ่งจะจัดหนักใส่ “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” ผู้ลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส ที่สร้างข่าวลือที่ไม่เป็นมงคลของในหลวง ร.10 โดยมีเหตุผลเกี่ยวกับ “สิทธิเสรีภาพ” อ้างถ้ามีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น ข่าวลือก็จะหมอไปเอง ซึ่งเธอไม่เห็นด้วย และเห็นว่า เป็นการหาข้ออ้างอย่างนี้ก็ได้ โดยไม่รับผิดชอบ จนเป็นที่ฮือฮากันทั้งวงการ เพราะใครก็รู้ว่า “ศักดิ์ เจียม” คือ ศาลดาสามกีบ
วันนี้เธอมองเห็น ผลประโยชน์ของ “ประชาชน” มากกว่าผลประโยชน์ตัวเอง และพรรคพวก ฝักฝ่าย
ประเด็นก็คือ ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายไหน ต่อต้านรัฐบาลหรือไม่ ถ้าหากมองในแง่ของผลประโยชน์ประชาชนอย่างแท้จริง เวลานี้ง่ายนิดเดียวที่จะทำเพื่อประชาชน ให้สมกับคำกล่าวอ้าง และไม่บิดเบือน จนเป็นข้ออ้าง ทำให้บ้านเมืองสับสน วุ่นวาย จนประชาชนเกิดความกลัวไปหมดทั้งประเทศ นั่นคือ การยอมรับความจริง อย่างที่ทั่วโลกเขายอมรับว่า “วัคซีน” จะมีประสิทธิภาพมากหรือน้อย แต่ถ้าผ่านมาตรฐานการทดลองและการยอมได้รับของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ป้องกันโรคได้ ก็ไม่ควรที่จะสร้างกระแสต่อต้าน หรือ ทำให้กลัวผลข้างเคียงด้วยข่าวลือ
ถามว่า รู้ได้อย่างไรว่า เป็นข่าวลือ ดูง่ายนิดเดียว ถ้าเป็นข่าวจริง พวกสามกีบเอามาแห่ประจานกันหน้าทำเนียบรัฐบาลแล้ว เพราะแค่ข่าวลือ ก็ยังพูดกันเป็นตุเป็นตะ “มโน” เป็นจริงเป็นจัง
อีกอย่าง ต้องเข้าใจว่า ประเทศไทยมีศักยภาพแค่ไหนในการหาวัคซีนด้วย การได้บางยี่ห้อมาอย่างทั่วถึง ก็ถือว่า สุดความสามารถรัฐบาลแล้ว อย่าเอาความคิดของพวกนักการเมืองเศรษฐี ที่ไม่แม้แต่จะช่วยเหลืออะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน สมกับที่กอบโกยจากสังคม แต่มักโจมตีด้อยค่าวัคซีนที่รัฐบาลหามาได้ และยุส่งให้คนเลือกยี่ห้อที่ดีมีประสิทธิภาพ
แต่คำถามคือ ประชาชนยากจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ จะเอาปัญญาที่ไหนไปฉีดวัคซีนที่สหรัฐ หรือ รอเลือกซื้อฉีดจากโรงพยาบาลเอกชน นั่นหมายถึงคุณกำลังพูดถึงคนที่มีโอกาส มากกว่าประชาชนยากจน แถมเอามาโจมตีรัฐบาล
ที่ซ้ำร้าย พวกนักการเมือง ส.ส. คนรวยสามกีบทั้งหลาย ยังไปแย่งประชาชนยากจนเขาฉีดด้วย ทำไมคุณไม่รอ วัคซีนคุณภาพดี ไม่รอให้คนยากจนด้อยโอกาสฉีดกันหมดก่อน เพราะถ้าวัคซีนไม่พอ พวกคนรวยทั้งหลายยังสามารถบินไปฉีดต่างประเทศได้ นี่คือ ความจริง ที่กำลังกลับเข้าตัวพวกที่โจมตีวัคซีนอยู่ในเวลานี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนร่ำรวยและมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนได้ง่ายทั้งสิ้น
ใครที่ยังไม่เข้าใจก็ควรอ่านโพสต์ความคิดเห็นของ ดร.เสรี หลายๆ รอบ เผื่อจะคิดอะไรได้บ้าง?