นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม บอกรัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกด้าน ขอขอบคุณแพทย์-เจ้าหน้าที่ ที่เสียสละ ขอทุกคนอย่าท้อแท้ สิ้นหวัง ต้องเอาชนะโรคร้ายได้แน่
วันนี้ (14 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 1,200 คน และสามารถเพิ่มเติมได้ 3,000-5,000 เตียง รองรับผู้ป่วยสีเหลืองที่เล็กน้อยจนถึงปานกลาง ทั้งจากโรงพยาบาลสนาม และสายด่วนในกทม.และปริมณฑล หากเกิดผู้ป่วยอาการหนักจะส่งไปยังโรงพยาบาลที่มีความพร้อม ทั้งนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่หมุนเวียนปฏิบัติงานรวม 780 คน
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาเปิดโรงพยาบาลบุษราคัมในวันนี้ ซึ่งทราบดีอยู่แล้วว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หลายประเทศก็ยังมีความรุนแรงและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ขณะที่ประเทศไทยก็มีผู้ติดเชื้อรายใหม่และแพร่วงกว้าง ที่ผ่านมาได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามหลายแห่งด้วยกัน เพื่อให้คนได้รับรักษาอย่างทั่วถึง และวันนี้ได้มีโรงพยาบาลบุษราคัมขึ้นมาเป็นความร่วมมือทุกภาคส่วนภายใต้การดูแลของกระทรวงสาธารณสุข และมีกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดูแล ซึ่งก็จะเป็นความร่วมมือแบบนี้ตลอดไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ประกาศไปแล้วให้เป็นวาระแห่งชาติ วันนี้ขอขอบคุณทุกคนและแสดงความชื่นชม บุคลากรสาธารณสุข แพทย์ พยาบาลรวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน วันนี้มีปัญหาตามสถานการณ์ แต่เรามีการประเมินสถานการณ์ ที่ดีขึ้น เลวร้ายมากขึ้น ภาวะวิกฤต เป็นการวางแผนไว้ทั้งหมดและทำตามขั้นตอนที่มีสถานการณ์เป็นตัวชี้วัดว่าจะทำอย่างไร รวมถึงการจัดหาวัคซีน การจัดสถานที่คัดกรอง และสถานที่ฉีดวัคซีน ทุกอย่างต้องมีการวางแผนที่ดี ทั้งนี้ถือเป็นความสามาถที่เรายังรับได้เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศในโลกนี้ ดังนั้น ขอให้ทุกคนอย่าท้อแท้ อย่าสิ้นหวัง และอย่ามัวขัดแย้งกัน โดยเฉพาะเรื่องสังคมต่างๆ ไม่เช่นนั้น เราจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ซักอย่าง วันนี้คิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่เลวที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคน และยังมีอีกหลายหมื่นคนทำงานในท้องถนนในพื้นที่และในชุมชนต่างๆ ขอให้กำลังใจท่านเหล่านั้นที่เสียสละเป็นด่านหน้าและพร้อมจะติดเชื้อตลอดเวลา ซึ่งอะไรที่จะเป็นกำลังใจให้กับคนเหล่านี้ก็ขอให้สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ด้วย ซึ่งนี่คือคนไทย นี่คือตัวแทนของเราและระบบสาธารณสุขของเรา ดังนั้น ขอชื่นชม และคนเหล่านี้สร้างผลงานมาหลายสมัยแล้ว โดยเฉพาะการรับมือโรคระบาด ทุกคนเสี่ยงอันตรายและเหน็ดเหนื่อย แต่ยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ขอยกย่องทุกคนอย่างใจจริง ร่วมมือในการขับเคลื่อน ให้การสนับสนุนในการบริการของโรงพยาบาลบุษราคัม เพื่อให้ทั่วถึงสำหรับทุกคน มีการบริการที่เหมาะสมลดความเหลื่อมล้ำลดอัตราการเสียชีวิตเพื่อให้ประเทศของเราก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน มีผู้นำหลายประเทศ ผู้แทนท่านทูตหลายประเทศด้วยกันมีการพูดถึงประเทศไทย ชื่นชมในการจัดการของประเทศไทยในการแก้ปัญหาโควิด ซึ่งหลายประเทศยังควบคุมไม่ได้มากนัก และเราพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางที่ไทยเคยปฏิบัติ มีอะไรช่วยเหลือแนะนำได้ ซึ่งเราเป็นประเทศหนึ่งในโลกใบนี้ และเป็นมนุษย์ที่อยู่ในโลกเดียวกัน เราต้องช่วยกัน
“นอกจากนี้ ขอบคุณฝ่ายความมั่นคงดูแลชายแดนวันนี้ถือว่าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดี สิ่งที่ผมสะท้อนใจ คือ การเห็นภาพของบุคลากรทางการแพทย์ หมอ พยาบาล นั่งและนอนหลับอยู่บนพื้นสถานพยาบาล สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ทุ่มเท ซึ่งตนขอชื่นชมจากใจจริงในการทำงานเพื่อส่วนรวม และถือเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง ประเทศไทยของเราต้องเอาชนะโรคร้ายนี้ให้ได้อย่างแน่นอน” นายกฯ กล่าว
วันนี้ (14 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 1,200 คน และสามารถเพิ่มเติมได้ 3,000-5,000 เตียง รองรับผู้ป่วยสีเหลืองที่เล็กน้อยจนถึงปานกลาง ทั้งจากโรงพยาบาลสนาม และสายด่วนในกทม.และปริมณฑล หากเกิดผู้ป่วยอาการหนักจะส่งไปยังโรงพยาบาลที่มีความพร้อม ทั้งนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่หมุนเวียนปฏิบัติงานรวม 780 คน
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาเปิดโรงพยาบาลบุษราคัมในวันนี้ ซึ่งทราบดีอยู่แล้วว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หลายประเทศก็ยังมีความรุนแรงและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ขณะที่ประเทศไทยก็มีผู้ติดเชื้อรายใหม่และแพร่วงกว้าง ที่ผ่านมาได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามหลายแห่งด้วยกัน เพื่อให้คนได้รับรักษาอย่างทั่วถึง และวันนี้ได้มีโรงพยาบาลบุษราคัมขึ้นมาเป็นความร่วมมือทุกภาคส่วนภายใต้การดูแลของกระทรวงสาธารณสุข และมีกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดูแล ซึ่งก็จะเป็นความร่วมมือแบบนี้ตลอดไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ประกาศไปแล้วให้เป็นวาระแห่งชาติ วันนี้ขอขอบคุณทุกคนและแสดงความชื่นชม บุคลากรสาธารณสุข แพทย์ พยาบาลรวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน วันนี้มีปัญหาตามสถานการณ์ แต่เรามีการประเมินสถานการณ์ ที่ดีขึ้น เลวร้ายมากขึ้น ภาวะวิกฤต เป็นการวางแผนไว้ทั้งหมดและทำตามขั้นตอนที่มีสถานการณ์เป็นตัวชี้วัดว่าจะทำอย่างไร รวมถึงการจัดหาวัคซีน การจัดสถานที่คัดกรอง และสถานที่ฉีดวัคซีน ทุกอย่างต้องมีการวางแผนที่ดี ทั้งนี้ถือเป็นความสามาถที่เรายังรับได้เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศในโลกนี้ ดังนั้น ขอให้ทุกคนอย่าท้อแท้ อย่าสิ้นหวัง และอย่ามัวขัดแย้งกัน โดยเฉพาะเรื่องสังคมต่างๆ ไม่เช่นนั้น เราจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ซักอย่าง วันนี้คิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่เลวที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคน และยังมีอีกหลายหมื่นคนทำงานในท้องถนนในพื้นที่และในชุมชนต่างๆ ขอให้กำลังใจท่านเหล่านั้นที่เสียสละเป็นด่านหน้าและพร้อมจะติดเชื้อตลอดเวลา ซึ่งอะไรที่จะเป็นกำลังใจให้กับคนเหล่านี้ก็ขอให้สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ด้วย ซึ่งนี่คือคนไทย นี่คือตัวแทนของเราและระบบสาธารณสุขของเรา ดังนั้น ขอชื่นชม และคนเหล่านี้สร้างผลงานมาหลายสมัยแล้ว โดยเฉพาะการรับมือโรคระบาด ทุกคนเสี่ยงอันตรายและเหน็ดเหนื่อย แต่ยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ขอยกย่องทุกคนอย่างใจจริง ร่วมมือในการขับเคลื่อน ให้การสนับสนุนในการบริการของโรงพยาบาลบุษราคัม เพื่อให้ทั่วถึงสำหรับทุกคน มีการบริการที่เหมาะสมลดความเหลื่อมล้ำลดอัตราการเสียชีวิตเพื่อให้ประเทศของเราก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน มีผู้นำหลายประเทศ ผู้แทนท่านทูตหลายประเทศด้วยกันมีการพูดถึงประเทศไทย ชื่นชมในการจัดการของประเทศไทยในการแก้ปัญหาโควิด ซึ่งหลายประเทศยังควบคุมไม่ได้มากนัก และเราพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางที่ไทยเคยปฏิบัติ มีอะไรช่วยเหลือแนะนำได้ ซึ่งเราเป็นประเทศหนึ่งในโลกใบนี้ และเป็นมนุษย์ที่อยู่ในโลกเดียวกัน เราต้องช่วยกัน
“นอกจากนี้ ขอบคุณฝ่ายความมั่นคงดูแลชายแดนวันนี้ถือว่าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดี สิ่งที่ผมสะท้อนใจ คือ การเห็นภาพของบุคลากรทางการแพทย์ หมอ พยาบาล นั่งและนอนหลับอยู่บนพื้นสถานพยาบาล สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ทุ่มเท ซึ่งตนขอชื่นชมจากใจจริงในการทำงานเพื่อส่วนรวม และถือเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง ประเทศไทยของเราต้องเอาชนะโรคร้ายนี้ให้ได้อย่างแน่นอน” นายกฯ กล่าว