“จักรพล” รองเลขาฯ เพื่อไทย สับ “ประยุทธ์” ล้มเหลวรวบอำนาจคุมโควิด เหมือนที่ล้มเหลวคุมเศรษฐกิจ ไม่มั่นใจมีกึ๋นกระจายวัคซีน ห่วงธุรกิจท่องเที่ยวซึมยาว หวั่นล้มละลายเพียบ จี้รัฐเร่งช่วยเหลือคนลำบาก-เยียวยาธุรกิจ ตอกรวบอำนาจแล้วต้องมีความรู้ความเข้าใจ อย่าสักแต่ว่าทำจนบ้านเมืองเสียหายป่นปี้
วันนี้ (14 พ.ค. 64) นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานอนุกรรมการนโยบายท่องเที่ยว และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโควิดยังขยายต่อในวงกว้าง น่ากังวลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่รวบอำนาจการจัดการการระบาดครั้งที่ 3 นี้ ไว้กับตนเอง จะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดได้ ปริมาณการระบาดกลับเพิ่มมากขึ้น ทั้งคนติดเชื้อและคนเสียชีวิต โดยล่าสุดมีการติดเชื้อพุ่งขึ้นถึง 4,887 ราย โดยมีการติดเชื้อในเรือนจำถึง 2,835 ราย และมีผู้เสียชีวิต 32 คน และเชื่อว่าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก แสดงถึงความล้มเหลวในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด
“การที่ พล.อ.ประยุทธ์ รวบอำนาจเองในการบริหารจัดการไวรัสโควิดจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งหมด เท่ากับจะต้องรับผิดชอบในความล้มเหลวนี้แบบเต็มๆ คนเดียว ไม่ต่างอะไรจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้ง แต่เศรษฐกิจกลับยิ่งย่ำแย่มาตลอดตั้งแต่ก่อนมีวิกฤตการณ์ไวรัสโควิดจนกระทั่งมาถึงการระบาดครั้งที่ 3 นี้ แสดงถึงความล้มเหลวซ้ำซ้อนของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการบริหารจัดการในทุกด้าน
นายจักรพล กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตน และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือน พล.อ.ประยุทธ์ มาตลอด แต่ พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งจะประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ ในขณะที่ประชาชนยังมีความไม่มั่นใจในคุณภาพวัคซีน และไม่สามารถเลือกวัคซีนที่ตัวเองมั่นใจได้ นอกจากนี้ ยังไม่รู้ว่าประเทศไทยจะมีวัคซีนเข้ามาให้ฉีดในจำนวน 150-200 ล้านโดสได้เมื่อใด และการจะต้องกระจายการฉีดวันละ 5 แสน - 1 ล้านโดส เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่จะทำใด้อย่างไรอย่างมีประสิทธิภาพ
“การจะกระจายการฉีดวัคซีนได้มากขนาดนั้นต้องมีการวางแผนและการจัดระบบที่ดี ซึ่งบอกตรงๆ ว่า ไม่มีความมั่นใจเลยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีความสามารถพอที่จะบริหารจัดการเรื่องนี้ได้ และมีโอกาสสูงที่จะล้มเหลวในการกระจายการฉีดวัคซีน”
นายจักรพล กล่าวต่อว่า การฟื้นของเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับสัดส่วนจำนวนประชาชนที่จะได้รับการฉีดวัคซีน ถ้ากระจายการฉีดได้มากและกระจายการฉีดได้เร็ว ก็จะสามารถเปิดประเทศ เปิดธุรกิจได้เร็ว เศรษฐกิจก็จะฟื้นเร็ว ตามการคาดประมาณของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่คาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจผกผันตามจำนวนสัดส่วนประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งเรื่องนี้ตอกย้ำความผิดพลาดและการขาดวิสัยทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยอมรับเองว่าที่สั่งวัคซีนน้อยเพราะเห็นคนติดเชื้อน้อยในช่วงแรก ซึ่งแสดงถึงการขาดความรู้และไม่เข้าใจเลยว่าวัคซีนจะต้องฉีดให้มากที่สุดเพื่อเปิดประเทศและฟื้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะมีการติดเชื้อมากหรือน้อยเท่าไหร ความผิดพลาดนี้ทำให้ประเทศเสียหายอย่างมากทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังทำให้คนต้องเจ็บและตายกันเป็นจำนวนมากจนไม่อาจจะให้อภัยได้ เพราะถ้าสั่งวัคซีนมาจำนวนมาก และกระจายฉีดได้มากแต่แรก ประชาชนจะไม่เจ็บและจะไม่ล้มตายมากเท่านี้ อีกทั้งเศรษฐกิจจะฟื้นเร็วกว่านี้มาก
รองเลขาฯเพื่อไทย กล่าวอีกว่า การระบาดในรอบที่ 3 นี้ ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรงโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบมานานกว่า 1 ปีแล้วที่นักท่องเที่ยวหายไปหมด ความคาดหวังที่จะได้คนไทยเที่ยวก็พลอยพังทลายไปด้วย การเดินทางโดยเครื่องบินภายในประเทศลดลงถึง 38% นอกจากนี้ บริษัททัวร์นำเที่ยวต้องปิดตัวเองแล้วกว่า 2 หมื่นแห่ง เพราะลูกค้าหายกว่า 95% โรงแรมต่างๆ ขาดทุนกันหมด หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวของระบบธนาคารได้เพิ่มสูงขึ้นมากและยังมีแนวโน้มที่จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เร่งช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวโดยด่วน อย่าปล่อยให้เจ๊งกันหมด เพราะปัจจุบันดอกเบี้ยทบเงินต้น และเงินต้นทบดอกเบี้ย จะทำให้มีปริมาณหนี้ในระดับที่สูง และจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ แม้การท่องเที่ยวจะกลับมาสู่ปกติ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องคิดล่วงหน้าและหาทางช่วยลดภาระหนี้สินของธุรกิจท่องเที่ยวตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนจะต้องปิดกิจการกันหมด ทั้งนี้ รวมถึงการสนับสนุนการจ้างงานด้วย เพราะปัจจุบันมีคนตกงานจากภาคธุรกิจท่องเที่ยวหลักล้านคนแล้ว
“คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เสนอซอฟท์โลนดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจทั้งหมดรวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวด้วย ซึ่งแม้รัฐบาลจะเริ่มทำบ้างแล้ว แต่ยังล่าช้าและยังติดกฎเกณฑ์จำนวนมาก ซึ่งทำให้การช่วยเหลือล่าช้า และอาจช่วยไม่ได้เลย จึงอยากให้มีความยืดหยุ่นในการช่วยเหลือนี้ โดยอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ศึกษาแนวทางการปฏิบัติในประเทศอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จ” นายจักรพล ระบุ
นายจักรพล กล่าวด้วยว่า อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สำนึกว่า การที่ผู้นำจะรวบอำนาจและตัดสินใจเข้ารับผิดชอบเรื่องใด ผู้นำจะต้องพิจารณาว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถเพียงพอหรือไม่ ที่จะทำหน้าที่ให้ประสบความสำเร็จได้ ถ้าสักแต่ว่าต้องการได้อำนาจแต่ขาดความรู้ความสามารถ การรับหน้าที่จะสร้างปัญหาและจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้น และจะล้มเหลวในที่สุด ซึ่งจะสร้างปัญหาใหญ่หลวงเพิ่มขึ้นให้กับประเทศ และจะยิ่งทำให้ประชาชนลำบากมากขึ้น