“ประยุทธ์” เชื่อควบคุมสถานการณ์โควิดได้ในไม่ช้า หลังปูพรมตรวจเชิงรุก ตัวเลขผู้ติดเชื้อ กทม.เริ่มทรงตัว เป็นแนวโน้มที่ดี
วันนี้ (11 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.55 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในวันนี้ตนในฐานะนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. จะขอมารายงานความก้าวหน้าของผลการดำเนินมาตรการที่ได้มีการสั่งการลงไปแล้ว เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คือ เรื่องของการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่คลองเตย ซึ่งตนได้ติดตามอย่างใกล้ชิดเนื่องจากเป็นพื้นที่ใจกลางเมือง มีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก และกระทบต่อชีวิตความปลอดภัยของพ่อแม่พี่น้องเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้ตนในฐานะ ผอ.ศูนย์ ศบค.กรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานได้ระดมสรรพกำลังเข้าป้องกันการลุกลามอย่างเต็มที่ โดยมียุทธวิธีสำคัญในการเอาชนะศึกครั้งนี้ก็คือ การระดมตรวจเชิงรุกให้ได้มากที่สุดในพื้นที่เป้าหมาย โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เรามีการตรวจไปแล้วมากกว่า 70,000 ราย ในชุมชนที่มีความเสี่ยง เฉลี่ย 7,000 รายต่อวัน ผลที่เกิดขึ้นเราสามารถระบุตัวผู้ติดเชื้อ และคัดแยกผู้ติดเชื้อไปรักษาได้อย่างทันการณ์ รวมทั้งแยกผู้มีความเสี่ยงจากการอยู่ใกล้ชิดไปกักตัวเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่อ จำกัดวงการแพร่ระบาดให้แคบที่สุดและสั้นที่สุด ดังนั้น ในสัปดาห์ที่ผ่านมาอาจจะเห็นยอดผู้ติดเชื้อต่อวันเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการตรวจเชิงรุกแบบปูพรมของเรา ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันในช่วงนี้อาจจะยังมีขึ้นมีลงอยู่บ้าง แต่ทางทีมแพทย์เชื่อมั่นว่าด้วยวิธีนี้ จะทำให้เราควบคุมสถานการณ์ได้ในไม่ช้า และยอดผู้ติดเชื้อจากในพื้นที่จะค่อยๆ ลดลง ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ เริ่มทรงตัวซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดี
แต่เราก็ยังไม่นิ่งนอนใจ จะดำเนินการตรวจเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงต่อไปให้มากและเร็วที่สุด และในขณะเดียวกันก็เร่งระดมฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนให้มากที่สุด เพื่อตัดวงจรสะเก็ดไฟที่ปะทุอยู่ในเวลานี้ จนถึงวันนี้ได้มีการฉีดวัคซีนในพื้นที่คลองเตยไปแล้วมากกว่า 13,000 คน หรือเกือบ 30% ของเป้าหมายที่จะฉีดให้ได้อย่างน้อย 50,000 คน และพื้นที่ปทุมวันที่อยู่ใกล้เคียง ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 50% ของเป้าหมาย 14,000 คน โดยเฉลี่ยแล้วทั้งสองเขตฉีดได้มากกว่าวันละ 2,000 คน โดยผลการดำเนินการจากคลัสเตอร์คลองเตย จะใช้เป็นแนวทางในการจัดการกับการแพร่ระบาดในพื้นที่เขตอื่นๆ ของ กทม.และปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัดด้วย วันนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการใช้แซนด์บอกซ์ที่เราร่างขึ้นมาแล้วดำเนินการในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง หรือพื้นที่สีแดง วันหน้า หากเกิดการแพร่ระบาดต่อไปอีกเราจะใช้แนวทางนี้ปฏิบัติต่อไป