“ประยุทธ์” ตัดปัญหาอ่านสคริปต์แจงหลัง ประชุม ครม.ต่อเนื่อง หวั่นหลุดคำพูดจนเป็นเป้าถูกโจมตี โยนโฆษกฯตอบแทนทุกประเด็น ย้ำไม่ใช่เวลาทำการเมือง ขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายและพร้อมให้หน่วยงานตอบข้อข้องใจ
วันนี้ (11 พ.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งวันเดียวกันนี้ใช้เวลาประชุมเพียง 3 ชั่วโมง โดย พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงสงวนท่าที และระมัดระวังในการแถลงข่าวและชี้แจง โดยยังคงอ่านตามสคริปต์ที่เตรียมมา และเพิ่มเติมข้อความบ้างเป็นบางส่วน โดยไม่ตอบประเด็นข้อซักถามจากสื่อมวลในเรื่องทางการเมือง โดยเฉพาะคำถาม ในเรื่องของจริยธรรมทางการเมืองของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตร ซึ่งมีบางฝ่ายระบุว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังนิ่งเฉยจะทำให้เป็นภาพลบของรัฐบาล ซึ่งการปรับเปลี่ยนท่าทีของนายกรัฐมนตรี มีมา 2 สัปดาห์แล้ว สาเหตุเพราะเกรงว่าหากเป็นการตอบคำถามสดของสื่อมวลชนแล้วจะหลุดคำพูดออกมากลายเป็นเป้าถูกโจมตีได้ อีกทั้งต้องการมุ่งเน้นแบะชี้แจงเฉพาะการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เท่านั้น โดยได้มอบหมายประเด็นคำถามต่างๆ ที่สื่อมวลชนสอบถามให้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบคำถามแทน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายของการแถลงข่าวหลังการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 11 พ.ค. หลังได้ชี้แจงในเรื่องต่างๆเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งหมดคือการทำงานอย่างเต็มที่ของตนและผู้เกี่ยวข้องทุกคน ที่ทำงานอย่างต่อเนื่องทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่วันหยุด ในการวางแผนและดำเนินการช่วยเหลือประชาชน เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโควิด และบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน ในเตรียมความพร้อมในการฟื้นฟูอนาคตประเทศไทย และตอบรับโอกาสที่กาลังจะมาถึง ซึ่งผมให้ความสำคัญกับเรื่องการท่องเที่ยวด้วย อย่างไรก็ตามเราก็ต้องยืนในจุดที่ทำอย่างไรเราจะมีความพร้อม ในพื้นที่จังหวัดใดบ้าง ได้ก่อนเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการต่างๆที่องค์กรต่างประเทศกำหนดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาด การนำคนเข้า-ออกประเทศ เราคิดไว้แต่ก็ต้องดูหลักการสำคัญของประชาคมโลกด้วย
“ขอกราบเรียนอีกครั้งว่า ขณะนี้เราคนไทยทั้งประเทศและทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์ เผชิญหน้ากับศัตรูตัวร้ายที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อนที่ชื่อว่าไวรัสโควิด-19 และทางเดียวที่เราจะเอาชนะศัตรูตัวนี้ได้ก็คือการร่วมแรงร่วมใจร่วมมือกันแก้ปัญหา ไม่ใช่การขัดแย้งหรือแตกแยกกัน อนาคตของประเทศไทยต่อจากนี้จะขับเคลื่อนไปได้ อย่างมั่นคงเพียงใด ขึ้นอยู่กับเราทุกคนที่จะต้องรวมใจให้เป็นหนึ่งเดียว แล้วก้าวเดินไปพร้อมกัน วันนี้ไม่ใช่เวลาทำการเมืองทั้งสิ้น เป็นเวลาที่ทำให้บ้านเมืองให้ประเทศชาติของทุกคนและประชาชนที่เป็นที่รักที่เลือกพวกท่านเข้ามาทำงาน ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในเวลานี้ จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนด้วย ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา อะไรที่ยังมีปัญหาขัดข้อง ไม่เข้าใจก็ขอให้สอบถามเข้ามายินดีที่จะให้หน่วยงานตอบ”